โพลล์เลือกตั้ง ประเภทที่จัดทำและเผยแพร่ ในช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้ง ก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้งนั้น ได้สร้างปัญหาข้อถกเถียงมานานแล้ว
ควรจะต้องมีการกำกับควบคุมดูแลอย่างจริงจัง เพราะยังไม่นับ “โพลล์เทียม” ที่ฉวยโอกาสผสมโรงจัดทำและเผยแพร่เพื่อหวังผลทางการเมืองในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว แสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. อ้างว่า การที่ กรธ.ห้ามทำโพลล์ที่มีลักษณะชี้นำ หรือมีผลต่อการตัดสินใจต่อการลงคะแนน หากมีการดำเนินการมีโทษทั้งจำทั้งปรับนั้น ในประเทศตะวันตกที่เป็นต้นแบบประชาธิปไตย การทำโพลล์ไม่เป็นเรื่องต้องห้าม สื่อมวลชนหรือสถาบันวิชาการต่างๆ มีการทำโพลล์กันหลายสิบครั้งก่อนการเลือกตั้ง ไม่มีการห้ามการเผยแพร่ผล เพราะเป็นวิจารณญาณของผู้อ่านผลโพลล์เองว่าสมควรเชื่อหรือไม่ โพลล์มีทั้งผิดและถูก และครั้งใหญ่ๆ หลายครั้ง โพลล์ที่ออกมากับผลก็แตกต่างกัน เช่น กรณีทรัมป์กับฮิลลารี โพลล์ทุกโพลล์แทบจะประเคนชัยชนะให้กับฮิลลารีด้วยซ้ำ แต่ผลเป็นเชิงตรงกันข้าม
“ไม่มีโพลล์ใดที่ไม่มีอิทธิพล หรือไม่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนน ในทางวิชาการเราเรียกสิ่งนี้ว่า ผลของสมัยนิยม หรือ Bandwagon effect คล้ายว่า หากกระแสนิยมส่วนใหญ่ในสังคมไปในทิศทางใด ก็มีแนวโน้มที่จะจูงใจให้คนเลือกตาม ดังนั้น หากกำหนดถึงขั้นว่า ห้ามทำโพลล์ที่มีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนน นั่นแปลว่า คงไม่มีสำนักโพลล์ใดกล้าทำโพลล์อีกแล้ว เพราะเสี่ยงที่จะถูกกฎหมายเล่นงานว่ามีผลต่อการตัดสินใจ คำถามของโพลล์ที่อาจจะเกิดขึ้น คงตอบได้แค่ไป ไม่ไป เลือกตั้ง หรือได้คำตอบแล้วต้องมีใส่รหัสปริศนาให้คนตีความ เช่น พรรคที่มีสัญลักษณ์เป็นวัตถุสิ่งของ มีคะแนนนำพรรคที่มีสัญลักษณ์เป็นสิ่งมีชีวิต” นายสมชัยกล่าว
1. เมื่อครั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ปี 2556 ขณะนั้น ไม่มีกฎหมายห้ามการทำโพลล์และการเผยแพร่ ปรากฏว่า กกต.ในยุคนั้นถึงขนาดโอดครวญผ่านสื่อ ว่าโพลล์มันสร้างปัญหาจริงๆ
26 ม.ค.2556 นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ขณะนั้น ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ผลสำรวจคะแนนนิยมของผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า“ตามกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่นหรือเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ไม่มีข้อห้ามการทำโพลล์และระยะเวลาการเผยแพร่เหมือนกับการเลือกตั้ง สส.ที่ห้ามเผยแพร่โพลล์ก่อนเลือกตั้ง7 วัน ยอมรับว่าทำให้เกิดการชี้นำและได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ กกต.ทำได้เพียงขอร้องให้สถาบันที่ทำสำรวจตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงและจริยธรรมวิชาชีพ เช่นเดียวกับจริยธรรมของสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าว ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือ เพราะหากมีการร้องเรียน อาจเข้าข่ายความผิดมาตรา 57(5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดเรื่องใดเกี่ยวกับผู้สมัครใด”
2. คณะกรรมาธิการการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (ชุดที่มี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นประธาน) ได้เคยนำเสนอรายงานผลการศึกษา เรื่อง ข้อเท็จจริงและผลกระทบของการจัดทำผลสำรวจของประชาชน (โพลล์) ตั้งแต่ช่วงปี 2548 ใจความสำคัญบางตอน ระบุว่า
โพลล์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ โพลล์เลือกตั้ง (Election Poll) กับโพลล์ความคิดเห็น (Opinion Poll)
บทบาทของโพลล์ มีส่วนช่วยให้ทราบถึงข้อมูลของสภาวการณ์มากขึ้น แต่ก็อาจมีผลเสียเกิดขึ้นได้
ความคิดเห็นของประชาชนมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตามเวลาและข้อมูลที่ได้รับ ความคิดเห็นของคนคนหนึ่งจะเป็นจริง ณ เวลาที่กำลังสอบถาม แต่เมื่อได้รับข้อมูลใหม่ความเห็นก็เปลี่ยนแปลงได้ เป็นการสะท้อนความคิดเห็นเพียงบางส่วน ในบางเวลา และต่อบางประเด็นคำถามเท่านั้น
แม้โพลล์จะอาศัยเครื่องมือและระเบียบวิธีวิจัยมาใช้ แต่โพลล์จำนวนมากมีข้อจำกัดในด้านเวลาและงบประมาณ พื้นที่สำรวจจึงมักครอบคลุมแต่คนในเมือง โดยเฉพาะคนในเมืองหลวง เช่น กรุงเทพมหานคร โครงสร้างคำถามในบางกรณีก็มีปัญหาเพราะเป็นการบีบบังคับให้ผู้ตอบต้องเลือกตอบอย่างใดอย่างหนึ่ง และได้คำตอบตามที่ผู้ออกแบบต้องการ เช่น หากถามว่าท่านคิดว่าโครงการเงินกองทุนช่วยเหลือนี้ดีหรือไม่ดี ผู้ตอบส่วนมากจะตอบว่าดี เพราะจะคิดเปรียบเทียบว่ามีโครงการนี้อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีโครงการนี้ หรือในกรณีสอบถามความเห็นในเรื่องที่ผู้ตอบอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอก็มักที่จะเลือกตอบคำตอบกลางๆ หรือที่ตอบว่า “ไม่มีความเห็น”
สำหรับโพลล์เลือกตั้ง มีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงคะแนนของประชาชน ทำให้ผลคะแนนไม่สะท้อนความจริงของคะแนนนิยม เช่น การคาดคะเนผลการเลือกตั้งล่วงหน้า อาจเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของประชาชน เพราะประชาชนนำผลที่ได้จากการคาดเดาของโพลล์ไปประกอบการตัดสินใจ ทำให้ผู้สมัครที่โพลล์ทำนายว่าพ่ายแพ้แน่นอน มักไม่ได้รับคะแนนเสียงในการเลือกตั้งลงคะแนนจริง เพราะประชาชนคิดว่าถึงเลือกไปก็แพ้อยู่ดี จึงตัดสินใจไม่เลือกและไปเลือกผู้สมัครคนอื่นแทนที่คะแนนอาจจะสูสีกัน หรืออาจจะตัดสินใจไม่ออกมาใช้สิทธิก็ได้ ทั้งนี้ จึงเป็นการไม่ยุติธรรมแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มิได้อยู่ในการแข่งขันแบบคู่คี่สูสี เพราะจะถูกโพลล์คัดออกกลายเป็นม้านอกสายตา รวมไปถึงนักการเมืองอาจจะถูกพรรคตัดการสนับสนุนในการเลือกตั้งตั้งแต่รอบแรกๆ หากผลของโพลล์ระบุว่าแพ้
นอกจากนี้ โพลล์เลือกตั้งยังอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการซื้อเสียง หากผลของโพลล์เลือกตั้งระบุว่าผู้สมัครคนใด ของพรรคใด จะแพ้การเลือกตั้งนักการเมืองก็อาจนำข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจซื้อเสียง
อีกทั้ง ยังขยายผลไปสู่วงการพนัน โดยนำไปใช้ประกอบการตัดสินใจกำหนดราคาต่อรอง
ผลการศึกษาของกรรมาธิการ ระบุว่า หลายประเทศมีการสั่งห้ามเผยแพร่ผลของโพลล์เลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง เช่น ประเทศฝรั่งเศส 7 วัน ,ประเทศสเปน 5 วัน, ประเทศเบลเยียม 30 วัน, ประเทศโปรตุเกส ห้ามตลอดช่วงรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง และประเทศลักเซมเบิร์กถึงกับถือว่าการตีพิมพ์ผลของโพลล์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเลือกตั้งหรือโพลล์ความเห็นเป็นความผิดโดยไม่จำกัดกรอบเวลา
3. ทั้งหมด ยังไม่นับโพลล์เทียม ประเภทโพลล์รับจ้างทางการเมือง
ซึ่งมักแบ่งหน้าที่กันทำงานกับสื่อรับจ้างทางการเมือง
ดร.นพดล กรรณิกา เคยเขียนบทความแฉ “โพลล์เทียม หรือซูโดโพลล์ (Pseudo Poll) : อันตรายร้ายยิ่งต่อระบอบประชาธิปไตย” ระบุไว้บางตอน ดังนี้
ในการเลือกตั้งของบ้านเรา มีปรากฏให้ได้ยินกันบ้างแล้วว่ามีโพลล์เทียมหรือซูโดโพลล์ (Pseudo Poll) เกิดขึ้นอันเป็นการเสแสร้งใช้เล่ห์กลทำทีว่าเป็นการทำโพลล์สำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่เป้าหมายของขบวนการพวกนี้คือเพื่อทำลายเครดิตของผู้สมัครฝ่ายตรงข้ามหรืออาจมีเป้าหมายอยู่ที่การสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างคะแนนนิยมให้กับผู้สมัครคนใดคนหนึ่งมากกว่า
วิธีการ คือ กลุ่มนักทำโพลล์เทียมหรือพวกทำซูโดโพลล์ (Pseudo Pollsters) จะเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่มคนมีฐานะปานกลางค่อนข้างสูงขึ้นไปที่มีโทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ โดยกลุ่มคนทำโพลล์เทียมหรือกลุ่มคนทำซูโดโพลล์เหล่านี้จะโทรศัพท์เข้าไปหาและทำทีว่ากำลังทำโพลล์อยู่แต่จะเริ่มต้นให้ข้อมูลในทางเสื่อมเสียต่อผู้สมัครคนหนึ่งว่า ผู้สมัคร ก. เคยตัดสินใจผิดพลาดมีคดีความมากมายถึงขั้นฟ้องร้องกัน คุณจะยังเลือกผู้สมัคร ก. อีกหรือไม่ นอกจากนี้ กลุ่มนักทำโพลล์เทียมจะตั้งคำถามว่า ผู้สมัคร ข. เป็นข้าราชการมือหนึ่ง มือสะอาด ทำงานดี ทำงานเก่ง กล้าหาญ มีผลงานเยอะแยะมากมาย คุณคิดว่า ผู้สมัคร ข. เหมาะสมจะได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯกทม. หรือไม่
การทำโพลล์เทียมเช่นนี้ เป็นเทคนิครูปแบบใหม่ของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในบางประเทศเพื่อทำการโยกย้ายฐานสนับสนุนจากผู้สมัครคนหนึ่งไปให้ผู้สมัครอีกคนหนึ่ง โดยต่างประเทศ เรียกกันว่า พุส์ชโพลล์ (Push Poll) หรือแปลเป็นไทยว่า “โพลล์ผลักดัน” ซึ่งเป็นกระบวนการทำโพลล์ที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เป็นวิชามาร
การทำโพลล์เทียมเช่นนี้ น่าจะเข้าข่ายในลักษณะจูงใจให้เข้าใจผิดต่อความนิยมของผู้สมัครหรือใส่ร้ายป้ายสีกันชัดเจนและเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยตรง อันเป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบอบประชาธิปไตยและไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่นๆ
4. จะเห็นได้ว่า โพลล์เลือกตั้ง หรือโพลล์การเมือง ไม่ว่าจะโพลล์ที่ถูกระเบียบวิธีวิจัย
หรือชั่วร้ายกว่านั้น คือ โพลล์เทียม
ล้วนแต่มีแง่มุมที่อันตราย มิใช่ว่าจะปล่อยเสรีกันได้ตามอำเภอใจ โดยไม่ต้องมีกติกาควบคุมเลยแต่อย่างใด
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี