ในบรรดาแม่น้ำชื่อดังระดับโลก จะมีก็เพียงแม่น้ำโขง แม่น้ำดานูบ และแม่น้ำไรน์ เท่านั้นที่ไหลผ่านหลายประเทศ นอกนั้นแล้วก็มักไหลอยู่ภายในประเทศเดียว หรือไม่ก็ไหลผ่านแค่ 2–3 ประเทศ ก่อนลงสู่ทะเลหรือมหาสมุทร
โดยเฉพาะแม่น้ำโขงนั้นมีความยาวถึง 4,880 กิโลเมตรและไหลผ่าน 6 ประเทศ อันได้แก่ จีน พม่า ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม เป็นต้นกำเนิดแห่งอารยธรรมและอาณาจักรมากมาย ถือเป็นเส้นทางน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตอันสำคัญยิ่งให้แก่ ชาวลาว กัมพูชา และเวียดนาม ขณะที่ชาวจีน พม่า และไทย ก็ได้พึ่งพาอาศัย และได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสายนี้อยู่ไม่น้อย
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า แม่น้ำโขงนั้นมีเจ้าของร่วมถึง 6 ประเทศ และจัดได้ว่ามีความสำคัญยิ่งต่อภาคการเกษตรและประมงของทั้ง 6 ประเทศ ในระยะไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา แม่น้ำโขงและแม่น้ำเครือข่ายก็เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนต่างๆ ทำให้ลาวกลายเป็นประเทศแหล่งไฟฟ้าพลังน้ำระดับโลก ฉะนั้นทั้ง 6 ประเทศจึงต้องมีการร่วมมือตกลงกันเกี่ยวกับการใช้งานทรัพยากรแม่น้ำโขงให้สามารถคงอยู่ และใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน เป็นความรับผิดชอบร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การร่วมมือแต่อดีต ค่อนข้างยากลำบากและไม่คล่องตัว โดยเฉพาะในยุคลัทธิล่าอาณานิคมและยุคสงครามเย็น ยังไงก็ตาม ก็มีความร่วมมือกันบ้างระดับหนึ่งระหว่างลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ต่างเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ โดยมีสำนักงานประจำภูมิภาคอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และสำนักงานที่สิงคโปร์เป็นตัวกลางจัดตั้งองค์กรร่วมมือภายใต้ชื่อ Lower Mekong Commission หรือสำนักงานร่วมมือว่าด้วยลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่างเมื่อปี ค.ศ. 1957(พ.ศ. 2500) (ทั้งนี้ต้องคำนึงด้วยว่า จีนแผ่นดินใหญ่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติแทนจีนไต้หวันปี ค.ศ. 1972(พ.ศ. 2515) ส่วนพม่าในขณะนั้นมีรัฐบาลทหารสังคมนิยมที่ยังปิดประเทศอยู่) ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Mekong River Commission – MRC (คณะกรรมาธิการว่าด้วยแม่น้ำโขง) มีสำนักงานร่วมที่เวียงจันทน์และพนมเปญ
ในขณะเดียวกัน ก็มีการจัดตั้งสถาบันวิจัยลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Research Institute) โดยการสนับสนุนของนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
นอกจากนั้นก็มีการจัดตั้งเวทีประชุมผู้นำลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Summit - GMS) เมื่อปี พ.ศ. 2535 โดยมีธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank) เป็นผู้สนับสนุน
ล่าสุดในปี ค.ศ.2015(พ.ศ. 2558) จีนได้ริเริ่มจัดตั้งที่ประชุมระดับรัฐมนตรี หลางชาน-แม่โขง 6 ประเทศ (หลานชาง เป็นชื่อเรียกแม่น้ำโขงของจีน)
โดยสรุปขณะนี้มี 4 องค์กรที่เกี่ยวกับลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีภารกิจโดยสังเขปดังนี้
1. MRC - พิจารณาเรื่องการใช้น้ำและการรักษาสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ
2. GMS- เน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงทางกายภาพ
3. Lancang-Mekong - เป็นการร่วมมือที่ครอบคลุมทุกด้านระหว่าง 6 ประเทศ โดยมีจีนเป็นโต้โผใหญ่ และจัดตั้งสำนักงานกลางที่เมืองคุนหมิง พร้อมด้วยงบลงทุน,งบพัฒนาต่างๆ
4. MI - ทำการค้นคว้าวิจัย การจัดการประชุมวิชาการและการฝึกอบรม
ในความเป็นจริงก็มีเรื่องความซ้ำซ้อนของภารกิจอยู่ค่อนข้างมากมาย โดยเฉพาะใน 3 องค์กรแรก ขณะที่เรื่องต่างๆก็มีความเกี่ยวโยงกัน มีผลกระทบต่อกันและกัน ฉะนั้นก็มีคำถามต่อไปว่า แล้วมีความจำเป็นที่จะต้องให้คงไว้อย่างนี้เป็นการถาวรต่อไป หรือควรคิดที่จะบูรณาการ และจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของกิจการงานต่างๆ ให้แน่ชัด รวมทั้งการจัดตั้งโครงสร้างใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องได้แล้ว
อีกทั้งบรรดาประเทศปลายน้ำต่างๆ ก็ต้องพึงระวังมิให้ลุ่มแม่น้ำโขงถูกการครอบงำจนกลายสภาพเป็นเขตอิทธิพลของจีน และต้องป้องกันมิให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นปึกแผ่นของอาเซียนด้วย
ซึ่งสรุปว่า การดูแลแม่น้ำโขง หากไม่มีการบูรณาการ และรับปรุงการทำงานกันแล้ว และยังปล่อยให้มีการทำงานกันแบบกระจัดกระจาย ไร้ทิศทาง และการสูญเสียต่างๆ ก็จะทวีขึ้น
แต่ในการดำเนินการระหว่างประเทศโดยทั่วไป ก็ต้องมีข้อตกลงเพื่อวางกรอบ,เป้าหมายความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกัน ฉะนั้นในกรณีแม่น้ำโขงนี้ สิ่งแรกที่จะต้องตกลงกันทั้ง 6 ประเทศคือ การเห็นพ้องว่า แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศที่มี 6 ประเทศเป็นเจ้าของร่วมกัน และทุกอย่างที่จะร่วมมือกัน ก็ต้องเห็นพ้องต้องกันทั้ง 6 ประเทศ
ทั้งนี้การจัดทำให้แม่น้ำโขงเป็นเส้นน้ำระหว่างประเทศนั้น ก็มีแบบอย่างสากลของแม่น้ำไรน์และแม่น้ำดานูบอยู่แล้ว ซึ่งสามารถที่จะนำพาศึกษาและขอความร่วมมือถ่ายทอดประสบการณ์จากประเทศเจ้าของร่วมแม่น้ำทั้ง 2 ได้ อาทิ การประมง การเดินเรือ การก่อสร้างท่าเรือ การก่อสร้างทางเบี่ยงประตูน้ำ และกฎเกณฑ์ว่าด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆ
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี