ปรากฏการณ์ “รุมถอนหงอก” นักวิชาการอาวุโส ผู้เป็น “ดีว่า” สายประวัติศาสตร์อย่าง ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ สะท้อนความ “รับไม่ได้” ที่คนแก่ๆ จอมตรวจสอบ ย้อนแย้งประวัติศาสตร์ ขาด “การตรวจสอบ” ข้อมูลตื้นๆ ง่ายๆ เหมือนลืมสมองไว้ที่ไหนสักที่ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่ “ผิดวิสัย” ของคนที่ต้องใช้เอกสาร หลักฐาน และการวิเคราะห์ ก่อนที่จะ “วิจารณ์” เสมือน “จงใจ” จะ “ทำความเท็จให้แพร่หลาย” จนเกิดกระแสข่าวว่า อาจมีการ “ดำเนินคดี” กับเขา
1) เรื่องมันเริ่มต้นขึ้น ในวันที่ 14 ม.ค.2561 หลังจากที่มีผู้ใช้เครือข่ายออนไลน์เฟซบุ๊ค ชื่อ Chawira Pombot นำภาพกระเป๋าถือสีดำของ รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมระบุข้อความว่า “ภริยานายกฯ ประยุทธ์ ถืออยู่นั้น เป็นกระเป๋า ยี่ห้อ แอร์เมส หนังจระเข้สีดำ ราคา 2 ล้านบาท พร้อมตั้งคำถามว่า เป็นอดีตข้าราชการ แต่มีเงินซื้่อกระเป๋าใบละ 2 ล้าน แต่อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นนักธุรกิจหมื่นล้าน”
ขณะที่เพจที่ใช้ชื่อว่า เปรี้ยง ได้จับผิด Chawira Pombot ว่า “กระเป๋าใบดังกล่าว เป็นกระเป๋าที่ รศ.นราพร ถืออยู่นั้น เป็นกระเป๋าสินค้าจากโครงการศิลปาชีพ ไม่ใช่กระเป๋าหรูแต่อย่างใด”
2) พลันที่ความจริงปรากฏ ว่ากระเป๋าของภริยานายกฯ ไม่เพียงไม่ใช่แบรนด์เนมราคาแพง หากแต่เป็นสินค้า “ศิลปาชีพ” ด้วยแล้ว “การโต้กลับ” หรือการเรียกหา “ความรับผิดชอบ” ก็เกิดขึ้น โดยพุ่งเป้าไปที่ “ดีว่า” แทนพวก “โนเนม”
3) วันที่ 11 ม.ค.2561 ปรากฏว่า เฟซบุ๊ค ชื่อ Charnvit Kasetsiri ของ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการฝั่งเสื้อแดง ได้แชร์ภาพและข้อความของผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊ค ชื่อ Ploy Siripong ซึ่งเผยแพร่ภาพข้อมูลเรื่อง “กระเป๋าป้าไฝ”ลงไปในเพจชุมชนชื่อ “ตีแตกการเมือง” ซึ่งมีข้อความว่า “กระเป๋าป้าไฝ แฮเมส หนังจรเข้ สีดำราคา 2 ล้าน มึงเป็นอดีตข้าราชการครู มึงเอาเงินจากไหนซื้อ ส่วนนายกปูเป็นนักธุรกิจหมื่นมาก่อนนะจ๊ะ” โดย นายชาญวิทย์ แชร์ข้อความและภาพมาเผยแพร่ต่อในเพจของตน พร้อมข้อความระบุว่า “ผู้นำ ต้องใช้ของแพงๆ Thai leaders must look expensive not cheap..”
4) ดร.ชาญวิทย์ ลืม “สันดานนักประวัติศาสตร์” ลืมความเป็น “ครูบาอาจารย์” ลืมการ “อยู่มานานในโลก” จนกระโดดเข้างับ สิ่งที่มันรับกับ “จริตและอคติ” ของตน จนแชร์ข้อความที่หากนั่งดูดีๆ สะท้อนความ “ด้อยการศึกษา” อยู่พอควร อาทิ ออกเสียงกระเป๋า “แอร์เมส” เป็น แฮเมส สะกดคำว่า “จระเข้” เป็น จรเข้ พิมพ์ข้อความตกๆ หล่นๆ เช่น“นายกปูเป็นนักธุรกิจหมื่นมาก่อนนะจ๊ะ” หมื่นอะไรของเธอ?
5) ทั้งนี้ หลังจากนั้นได้มีชาวเนตต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีดังกล่าวมากมาย อาทิ เป็นถึงครูบาอาจารย์ ทำไมมั่วซั่ว, ระวัง พ.ร.บ. คอมพ์ฯ นะครับ, ขอโทษนะคะ แต่เข้าใจว่ากระเป๋ารุ่นนี้
เป็นของศูนย์ศิลปาชีพนะคะ อาจจะต้องรบกวนตรวจสอบข้อมูลก่อนจะเขียนนิดหนึ่งค่ะ, ท่านอาจารย์ไม่มีความรู้เรื่องกระเป๋า ก็ไม่ควรจะรีบวิจารณ์ไปก่อนนะคะ ท่านควรจะ คิด วิเคราะห์ แยกแยะก่อนนะคะ ฯลฯ เป็นต้น
6) นอกจากนี้ หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผยออกมาแล้ว แต่ทำไมในหน้าเพจเฟซบุ๊คของนายชาญวิทย์ ยังนิ่งเฉย ไม่ยอมลบภาพดังกล่าวออกจากหน้าเพจของตัวเอง ทั้งที่นายชาญวิทย์ เคยเป็นถึงอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วประเทศ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น กับไม่มีการแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด แม้แต่คำขอโทษ ซึ่งหากพิจารณาตามข้อกฎหมาย อาจมีความผิดหมิ่นประมาทตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เลยทีเดียว
7) ต่อมา ดร.ชาญวิทย์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค ชื่อ Charnvit Kasetsiri อีกครั้ง โดยเป็นข้อความที่ ดร.ชาญวิทย์ เปิดเผยกับ THE STANDRD เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า กรณีการใช้สินค้าราคาแพงนั้น ถือว่า เป็นเรื่องปกติของชนชั้นนำไทย ที่มักจะใช้ของแพงเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ส่วนตัวนั้นไม่ได้เป็นคนที่ติดตามรายละเอียด หรือเข้าใจเกี่ยวกับราคาสินค้า แต่ในแง่ที่ต้องการสะท้อนภาพของสังคมไทย ที่ว่าชนชั้นนำมีการเลือกใช้สินค้าแบรนด์เนม ราคาแพง ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ เป็นการแสดงความคิดเห็นปกติ
ในฐานะประชาชน ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่า การแชร์ข้อมูล เป็นพฤติกรรมใหม่ของบุคคลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ กรณีดังกล่าวมาพร้อมๆกับการแชร์ภาพกระเป๋าของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึงกลายเป็นกระแสที่มองภาพถึงลักษณะการใช้ชีวิตของชนชั้นนำไทย
“เรื่องนี้สะท้อนภาพความเป็นไทยของชนชั้นนำไทย ขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจในการแสดงความคิดเห็น และยินดีที่จะต่อสู้ตามกระบวนการ”
8) ดร.ชาญวิทย์ ไม่สะท้อนความสะทกสะท้านต่อ “ความมักง่าย” ของตัวเอง ที่ในยามปกติ เอาเอกสาร หลักฐาน มาวิเคราะห์ วิจารณ์ คิดย้อนคิดแย้ง สอบทานกันไปมา ระหว่างเอกสารนั้น หลักฐานนี้ แต่ครั้งนี้พูดง่ายๆ ว่า “ก็ฉันแค่แชร์มา เพื่อจะใส่มุมมองของฉันว่า ชนชั้นนำไทย ใช้ของแพง” โดยไม่สอบทานเสียก่อนว่า มันแพงจริงหรือไม่ มันใช่กระเป๋าที่ “ใครก็ไม่รู้” กล่าวอ้าง หากข้อมูลว่านั่นคือกระเป๋าแอร์เมส เป็น “เอกสารทางประวัติศาสตร์” ชาญวิทย์จะต้อง “ชั่งน้ำหนัก” หลักฐานและ “ผู้แต่ง”เสียก่อนว่า “มีราคา” ระดับไหน ควรแก่การนำไป “อ้างอิง” เสียก่อนใช่หรือไม่ แต่ครั้งนี้ “มิได้ใส่ใจ” กระบวนการเหล่านี้เลย คล้ายๆ กับว่า เออ... เข้ากับจริตและอคติของฉันพอดี รีบแชร์ แถมใส่ความเห็นของตัวเองเข้าไป
9) ความเห็นของ ดร.ชาญวิทย์ คงจะบริสุทธิ์ใจจริง เพราะใจของแกก็ไปในทางนั้นอยู่แล้ว คือไม่นิยมชมชอบทหาร เป็นไปได้ไหมว่า ข้อมูลอะไรก็ได้ ที่มาตอบสนองจริตและอคตินี้ แกก็ “บริสุทธิ์ใจ” ที่จะกระโดดงับและจับมาเผยแพร่ต่อในทันที อันนี้เป็นข้อสังเกตนะครับ
10) แต่ความเห็นของ ดร.ชาญวิทย์ ไปตั้งอยู่บนข้อมูล “อันเป็นเท็จ” ไงครับ ความเท็จตั้งต้นจึงนำมาซึ่งความเสียหายของผู้ถูกกล่าวถึง และการ “ตอกย้ำ” ว่า “ผู้นำต้องใช้ของแพงๆ” ก็เป็นการ ไปปรักปรำ” ด้วยความเท็จ เพราะเอาเข้าจริง กระเป๋าที่ภริยานายกฯ ใช้ใบนี้ “ไม่แพง” อย่างความเห็นอันเกิดจากการใช้ข้อเท็จจริงที่ “คลาดเคลื่อน” ส่งผลให้ลูกหาบ ลิ่วล้อ ในเพจของชาญวิทย์กิ๊วก๊าว สนุกปาก เป็นการเพิ่มความดูหมิ่น เกลียดชัง ให้บังเกิด ใช่หรือไม่ เอาเข้าจริง เครดิตหรือน้ำหนักของการสร้างความน่าเชื่อถือให้ความเท็จครั้งนี้ ยี่ห้อ “ชาญวิทย์” มันไป “การันตี”
ข้อมูลพื้นฐานที่เป็นเท็จจากคนระดับ “โนเนม” คนทั่วไปรับข้อมูลชุดนี้ เชื่อข้อมูลชุดนี้ เพราะ “ชาญวิทย์แชร์” มากกว่าข้อมูลชุดแรกที่เผยแพร่เสียอีก ถูกไหมครับ
11) วันที่ 17 ม.ค. ที่ บก.ปอท. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ กก.3
บก.ปอท.พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. ได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่โพสต์เฟซบุ๊คสาธารณะวิจารณ์กรณีกระเป๋าถือของ รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะเดินทางไปต่างประเทศ โดยมีการบิดเบือนข้อมูลให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นกระเป๋าหรูราคา 2 ล้านบาท อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (1) โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
12) สิ่งที่ตามมาคือ ชาญวิทย์ประกาศว่าพร้อมจะต่อสู้ในกระบวนการ หากถูกดำเนินคดีจริงๆ อีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์นี้ ก็ได้ดึงดูดเอาคนที่มี “สติปัญญาระดับไหน” มาหนุน มาปกป้อง ลองดูสักตัวอย่างไหมครับ
วันที่ 19 มกราคม “หมวดเจี๊ยบ” ร.ท.สุณิสา ทิวากรดำรง หรือนามสกุลเดิม “เลิศภควัต” ได้โพสต์เฟซบุ๊ก “หมวดเจี๊ยบ Sunisa Divakorndamrong” วิพากษ์วิจารณ์กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เตรียมดำเนินคดี นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งกลุ่มผู้เผยแพร่ภาพและข้อความกล่าวหา รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้กระเป๋าถือแบรนด์เนมราคานับล้านบาท ระหว่างร่วมคณะกับ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา โดย
ร.ท.สุนิสา ระบุไว้ดังนี้
“อยากฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า การดำเนินคดี อาจารย์ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เพียงเพราะภรรยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือกระเป๋าคนละยี่ห้อกับที่ระบุในเฟสบุ๊คของอาจารย์ชาญวิทย์ นั้น ไม่ได้เป็นผลดีต่อรัฐบาล รวมทั้งครอบครัวของนายกฯ เพราะทำให้ชาวบ้านรู้สึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ และครอบครัว เป็นบุคคลที่แตะต้องไม่ได้หรือไง ทั้งๆ ที่เป็นบุคคลสาธารณะที่ต้องถูกตรวจสอบได้ ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของเผด็จการทหาร ที่คงกลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมความคิดของประชาชนได้ จึงใช้กฎหมายปิดปากนักวิชาการที่มีความเป็นอิสระและไม่ยอมรับตำแหน่งทางการเมืองเพื่อรับใช้ระบอบเผด็จการ
ถ้าบ้านเมืองมีคนที่กล้าตั้งคำถามเชิงตรวจสอบรัฐบาลแบบ อาจารย์ชาญวิทย์ เยอะๆ ก็จะทำให้ประชาชนถูกล้างสมองได้ยากขึ้น ซึ่งรัฐบาลที่มีความเป็นเผด็จการย่อมไม่ชอบและหาทางกำจัดหรือ ดิสเครดิต
ที่จริงสิ่งที่อาจารย์ ชาญวิทย์ สงสัยนั้น ก็เป็นการตั้งคำถามแทนคนอื่นๆ ในสังคมด้วย ถ้ามันไม่จริง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรชี้แจงมา ชาวบ้านจะได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ใช่ไปดำเนินคดีกับ อาจารย์ ชาญวิทย์ ทั้งๆ ที่ กรณีนี้ ก็ไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ แต่กลับใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์มาปิดปากผู้วิจารณ์รัฐบาล เหมือนกับที่ทำกับหลายๆ คนมาแล้ว
ขอเตือนด้วยความหวังดีว่า การเอาใจนายหรือเมียนายโดยการบิดเบือนหลักกฎหมายนั้นจะยิ่งทำให้กองหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะยิ่งหดหายหนักกว่าเดิมนะคะ”
13) ตรรกะของหมวดเจี๊ยบ ยิ่งเพิ่มพูนความวิบัติให้แก่ ดร.ชาญวิทย์ เป็นอย่างมาก มีกองเชียร์แบบนี้ อย่ามีเสียดีกว่า (ฮา...) วิธีคิดหรือทรรศนะของหมวดเจี๊ยบ “ป่วย” ยิ่งกว่า ดร.ชาญวิทย์ประมาณ 1 ล้านเท่า กล่าวคือ
13.1 เจี๊ยบแยกไม่ออกระหว่าง “แตะต้องไม่ได้” กับการ “ใส่ความด้วยความเท็จ” ยกตัวอย่างด้วยเรื่องสมมติ เช่น ถ้ามีคนไปโพสต์ข้อความว่า หมวดเจี๊ยบเป็นเมียเก็บของ “พี่ไก่” หมวดเจี๊ยบจะนิ่งเฉยเสีย เพื่อยืนยันว่าฉัน “แตะต้องได้” หรือจะใช้กฎหมายรักษา “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ของตัวเอง ว่าฉันไม่ได้เป็นเมียเก็บของพี่เขา หรือจะไปอีกทาง คือออกมายอมรับเสียเลยว่า ใช่ค่ะ อันนี้เป็นเรื่องสมมตินะครับ เพื่อให้เห็นภาพเห็นประเด็นชัดขึ้น ถึงความเลอะเลือนในตรรกะของหมวดเจี๊ยบเท่านั้น
13.2 ดร.ชาญวิทย์มีสิทธิสงสัยได้ แต่ข้อความที่ ดร.ชาญวิทย์แชร์มา รวมทั้งข้อความที่ ดร.ชาญวิทย์โพสต์เอง มันไม่ใช่การตั้งคำถาม แต่เป็นการยืนยันในข้อเท็จจริงและความคิดแล้ว ว่า เป็นกระเป๋าแบรนด์เนม เป็นการใช้ของแพง มันจึงไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ แต่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงและย้ำความเห็นที่นำ “ความเสียหาย” มาสู่คนอื่นเขา ควรที่จะส่งเสริมให้กฎหมายเข้ามาจัดการ และควรที่จะสอนสั่งสังคมว่า แม้เขาจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิปรักปรำ ใส่ความ ด้วยความเท็จ
13.3 ยกตัวอย่างสมมติอีกสักข้อว่า ถ้ามีคนไปโพสต์ว่า หมวดเจี๊ยบเป็นเมียคนหนึ่งของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพราะทิ้งงานราชการ ไปขลุกอยู่ด้วยกัน จนได้หนังสือ ทักษิณ แวร์ อาร์ ยู มาขาย 1 เล่ม ไอ้อย่างนี้ ก็ไม่ใช่การ “แตะต้องได้” อีกต่อไปแล้ว เพราะมัน “เกินจากข้อเท็จจริง” ไม่ใช่การ “กล้าตั้งคำถามเชิงตรวจสอบ” อย่างที่เจี๊ยบว่าอีกแล้ว แต่กระทำเสมือนยืนยันแล้วว่าเป็นความจริง ถูกไหมครับ
ดังนั้น เรื่องนี้ อย่าได้ “แถ” กันให้สีข้างถลอกไปกว่านี้เลย ยอมรับเถอะ ว่าฉันไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของข้อความที่นำความเสียหาย เป็นที่ดูหมิ่น เกลียดชัง มายังภริยานายกฯ ฉันขอโทษ ฉันแก่แล้ว ฉันเป็นนักวิชาการ มีลูกศิษย์ลูกหายกหางอยู่มากมาย เมื่อฉันให้ข้อมูลที่ผิดไป ฉันขอโทษ และขอบคุณที่เป็น “แบบอย่างที่ดี” ที่ผิดไปจากความคาดคิดแบบสำเร็จรูปของฉันอย่างยิ่งว่า “ผู้นำต้องใช้ของแพง”
แค่นี้เอง ทำได้ไหมครับ?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี