กรณีจับกุมการค้ามนุษย์-ค้าประเวณี ที่อาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท อาจทำให้หลายคนตกใจ เมื่อพบว่า หญิงบริการส่วนใหญ่ถูกนำตัวมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
หลายราย อายุยังไม่ถึง 15 ปี
จากการไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม ทำให้พบงานวิจัยเรื่อง “การค้าประเวณีหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในประเทศไทย” โดยสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปี 2558 ดร. กิตติศักดิ์ เจิมสิทธิประเสริฐ เป็นนักวิจัยและหัวหน้าโครงการวิจัย เนื้อหามีทั้งประเด็นเรื่องแรงจูงใจและกระบวนการการเข้าสู่การค้าประเวณีของหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศไทย แม้กระทั่งข้อมูลราคาเปิดบริสุทธิ์ ฯลฯ
ขออนุญาตสรุปข้อมูลประเด็นสำคัญๆ ดังต่อไปนี้
1. สาเหตุและวิธีการเข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทย
สาเหตุหลักที่ผลักให้หญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เดินทางเข้ามาประเทศไทยเพื่อประกอบอาชีพค้าบริการทางเพศ คือ ความยากจน และความต้องการแสวงหาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของครอบครัวให้ดีขึ้น ทั้งนี้ พบหญิงชาวเมียนมา เข้ามาค้าบริการทางเพศในประเทศไทยมากที่สุด และพบมากในจังหวัดชายแดนของประเทศไทย คือ เชียงราย ตาก และสุรินทร์
วิธีการเข้าสู่วงจรการค้าประเวณีในประเทศไทยมากที่สุด คือ การปฏิบัติตามคำชักชวนของบุคคลใกล้ชิดที่ทำงานบริการทางเพศในประเทศไทยอยู่ก่อนแล้ว โดยเข้ามาทำงานในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการค้าประเวณีก่อน คือ เริ่มต้นจากการประกอบอาชีพเป็นบริกรในร้านอาหารและเด็กนั่งดริ้งในสถานบันเทิงรูปแบบต่างๆ และผันตัวเข้ำสู่วงจรการค้าประเวณีในท้ายสุด
ส่วนกรณีมีผู้จัดหาเพื่อเข้ามาทำงานค้าประเวณีโดยตรง พบว่า ผู้จัดหาจะใช้วิธีเข้าหาผู้ปกครองของหญิงกลุ่มเป้าหมาย พบว่า นายหน้าจะให้ความสนใจหญิงบริสุทธิ์ที่มีอายุระหว่าง 13-15 ปี โดยจะเสนอรายได้สูงๆ เป็นสิ่งล่อใจ เพื่อให้ผู้ปกครองโน้มน้าวบุตรสาวไปทำงานค้าบริการทางเพศ ทั้งนี้ นายหน้าจะอำนวยความสะดวกด้านพาหนะการเดินทาง การทำเอกสารเข้าเมือง อีกทั้งยังพบว่าหญิงชาวต่างด้าวจำนวนมากเข้ามาทำงานค้าบริการทางเพศในประเทศไทยโดยการปลอมแปลงเอกสารและปกปิดอายุที่แท้จริง
ผู้วิจัยได้สัมภาษณ์หญิงจากประเทศจีน ผู้ค้าประเวณีสถานบริการอาบอบนวด ย่านพระราม 9 เป็นหญิงชาวจีนที่เดินทางมาจากยูนนาน สาเหตุที่ผลักดันให้เดินทางมาทำงานในลักษณะนี้เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ ประกอบกับมีพี่สาวที่เดินทางมาทำงานลักษณะนี้ในประเทศไทยกว่า 8 ปีแล้ว จึงได้เดินทางตามพี่สาวมา “ทำที่บ้านทำไม่ได้อยู่แล้ว ไม่มีที่ให้ทำ แล้วก็ไม่อยากให้ใครรู้ด้วย แต่หนูเคยจะทำที่แม่สายนะ แต่มีเพื่อนคนนึงไปทำแล้วติดโรค เป็นเอดส์ ก็เลยกลัว เลยมากรุงเทพดีกว่า พี่สาวบอกปลอดภัยกว่า”
เธอบอกว่า ทำงานที่นี่มีค่าตัวครั้งละ 2,800 บาท โดยทางร้านจะแบ่งให้เป็นจำนวนเงิน 1,400 บาท เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะเวลาเพียง 5 เดือนสามารถส่งเงินให้ทางบ้านได้กว่า 1 แสนบาทไทยแล้ว
แต่สาวชาวจีนอีกคนบอกว่า ที่บ้านมีฐานะพอสมควร เปิดร้านขายของอยู่ที่ประเทศจีน ช่วยทางบ้านได้ค่าจ้างเป็นเงินเดือนเดือนละประมาณ 25,000 บาทไทย แต่ตนรู้สึกว่าไม่เพียงพอ ประกอบกับเชื่อว่าเดินทางมายังประเทศไทยแล้วจะสามารถหาเงินจำนวนมากกว่า “ตอนปีแรกที่มาหนูได้เดือนเป็นแสนจริงๆ นะ แต่ปีที่สอง จนถึงตอนนี เหลือประมาณ 4-5 หมื่นต่อเดือน ตอนนี้ หนูว่าจะกลับแล้ว”
ผู้วิจัยทำการสัมภาษณ์หญิงค้าบริการจากประเทศเมียนมาร์ โดยเป็นหญิงผู้ให้บริการอยู่ในร้านอาหารที่มีการแอบแฝงการค้าประเวณีอยู่ พบว่า พวกเธอไม่ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน แต่จะได้รับค่าตอบแทนจากการถอดเสื้อผ้า ครั้งละ 200 บาทในกรณีที่เปิดเฉพาะส่วนบน, 500 บาทในกรณีที่เปิดทั้งหมด, ส่วนค่าบริการการค้าประเวณี ค่าตัว 2,500 บาท หักค่าโรงแรมและค่าใช้จ่ายให้กับทางร้าน 900 บาท จะได้รายได้สุทธิต่อครั้ง ครั้งละ 1,600 บาท
“หนูชอบให้แขกพาไปข้างนอกมากกว่าพี่ ได้เงินเยอะกว่าเยอะ ใช้เวลาน้อยกว่ามาก อย่างนั่งอยู่นี่บางทีนั่งทั้งวันได้ไม่ถึงพันก็มี”
“หนูได้เงินที่นี่วันละพัน ถึงสองพันบาทถ้านั่งเฉยๆ ถ้าออกไปโรงแรมด้วยก็จะได้ประมาณวันละ 5,000 บาท เฉลี่ยได้เงินเดือนละแสนบาท”
“หนูทำอาบอบนวดด้วย แถวๆ รัชดา ที่นั่นค่าตัวแค่ 1,800 ได้ต่อรอบแค่พันเดียว แต่มันก็ต่างกันนะ ที่นั่นมีพาไปตรวจโรคฟรี แต่ทำที่นี่ต้องไปตรวจโรคเอง โรงแรมก็เสี่ยงกว่าด้วย”
2. ลักษณะการค้าประเวณีในไทย
การค้าประเวณีของหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศไทย จำแนกตามการบริหารจัดการรายได้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในวงจรการค้าประเวณีได้ 2 ประเภท ได้แก่
การค้าประเวณีแบบอิสระ คือ ผู้ค้าประเวณีเป็นทั้งผู้ให้บริการและผู้จัดการ มีการตกลงราคาซื้อขายบริการทางเพศกับลูกค้าโดยตรง และรายได้ทั้งหมดจากการขายบริการทางเพศจะเป็นของหญิงผู้ขายบริการแต่เพียงผู้เดียว โดยพบว่า หญิงบริการชาวเมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม เป็นกลุ่มที่ค้าประเวณีในลักษณะนี้และพบเห็นได้เป็นส่วนใหญ่ในบริเวณริมถนน และห้างสรรพสินค้ำขนาดใหญ่ ในจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวของประเทศไทย คือ ภูเก็ต พัทยา เชียงราย และกรุงเทพมหานคร เป็นส่วนมาก
การค้าประเวณีแบบมีสังกัด เป็นลักษณะที่พบมากในไทย โดยจะมีหญิงบริการดำเนินการค้าบริการทางเพศผ่านตัวแทนที่มีสถานะเป็นทั้งเจ้าของสถานบริการและผู้จัดหา ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับรายได้จากการค้าบริการทางเพศของหญิงบริการ อีกทั้ง มีการโฆษณาเพื่อโน้มน้าวลูกค้าให้ซื้อบริการโดย “เด็กเชียร์แขก” ส่วนการให้บริการ การเสนอขาย รวมถึงการตกลงราคากับลูกค้าจะกระทำในเคหะสถาน ซึ่งสามารถจำแนกเป็น 2 รูปแบบ คือ
สถานค้าประเวณีแบบเปิดเผย คือ สถานบริการอาบอบนวด และซ่อง สถานค้าประเวณีที่แอบแฝง คือ ร้านคาราโอเกะ ร้านบิลเลียดหรือสนุกเกอร์ ร้านนวดแผนโบราณผับ บาร์ และการบริการไซด์ไลน์ (Side Line) โดยการขายบริการในร้านคาราโอเกะเป็นรูปแบบที่พบเห็นมากในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และเขตพื้นที่ติดต่อ
3. รายได้จากการค้าบริการทางเพศในอุตสาหกรรมการค้าประเวณีในประเทศไทย
อัตรารายได้จากการขายพรหมจรรย์ อยู่ระหว่าง 30,000 – 200,000 บาท
อัตรารายได้การขายบริการต่อครั้ง จะจำแนกตามระยะเวลาของการให้บริการ ได้แก่
ชั่วคราว อยู่ระหว่าง 500 - 2,000 บาท
ค้างคืน อยู่ระหว่าง 3,000 – 5,000 บาท
ต่อเดือน อยู่ระหว่าง 25,000 – 100,000 บาท
4. ปัญหาและอุปสรรคในการแก้ไขปัญหา อาทิ
4.1 การทุจริตของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นปัญหาที่พบมากที่สุด โดยพบว่าเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายระดับสูงและนักการเมืองบางคนมีการเรียกรับส่วยจากสถานประกอบการค้าประเวณี
4.2 การปลอมแปลงเอกสารจากประเทศต้นทางทำให้ไม่สามารถพิสูจน์ทราบอายุที่แท้จริงของหญิงบริการ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือหรือลงโทษตามหลักฎหมายได้อย่างถูกต้อง เนื่องจาก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 มาตรา 11 กำหนดให้ผู้ที่อายุต่ำกว่ำ 18 ปีไม่ต้องรับโทษ แต่ให้ถือเป็นเหยื่อที่ควรเข้าให้การช่วยเหลือ ขณะที่มาตรา 5 และ 7 กำหนดให้บุคคลอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ดำเนินการค้าประเวณีมีความผิดตามกฎหมายและต้องปราบปราม ทั้งนี้ พบว่า หญิงจากประเทศลาวเป็นกลุ่มที่มีการปลอมแปลงเอกสารเข้ามาทำงานค้าบริการในประเทศไทยอย่างพบเห็นได้มาก
สำหรับประเด็นนี้ ล่าสุด ในกรณีวิคตอเรียซีเครท เราได้เห็นว่า ทางการใช้วิธีตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ ตรวจสอบกระดูกเพื่อพิสูจน์อายุที่แท้จริงของหญิงบริการด้วย
4.3 กลุ่มผู้มีอิทธิพล นักการเมืองในท้องที่ และเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายระดับสูงเป็นผู้กระทำความผิดเสียเอง โดยมากพบว่า บุคคลกลุ่มนี้เป็นเจ้าของสถานค้าประเวณี มีการใช้ยศตำแหน่งออกคำสั่งกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลในพื้นที่ให้หลีกเลี่ยงและละเลยการตรวจตราหรือเอาผิดสถานประกอบการค้าประเวณีที่มีผู้มีอิทธิพลมีส่วนได้ส่วนเสีย ส่งผลให้การดำเนินงานด้านปราบปรามและกวาดล้างสถานบริการค้าประเวณีในเมืองไทยยังคงไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.4 การประสานงานกับประเทศต้นทาง พบว่า การเชื่อมโยงข้อมูลหรือขอประวัติผู้ต้องสงสัยจากหน่วยงานของประเทศต้นทางมีความล่าช้าและไม่ได้รับความร่วมมือ ในบางครั้งส่งผลต่อรูปคดีและการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ทางการของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นสืบสวนสอบสวนที่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดหรือช่วยเหลือผู้เสียหายได้ เนื่องจากการปลอมแปลงเอกสารส่งผลให้ไม่สามารถทราบอายุที่แท้จริงของผู้กระทำความผิดฐานค้าประเวณีหรือผู้เสียหายจากการถูกบังคับค้าประเวณี
4.5 เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ใช้บริการ พบว่า กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและข้าราชการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลและองค์การบริหารส่วนจังหวัด เป็นกลุ่มที่ซื้อบริการทางเพศหญิงจากประเทศในแถบอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเอง
กรณีล่าสุด วิคตอเรียซีเครท เราเห็นรายละเอียดตำแหน่งและสังกัดของเจ้าหน้าที่รัฐ ในโพยบริการของสถานบริการ ที่เข้าไปใช้บริการฟรีหลายหน่วยงาน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี