วันพุธ ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / กวนน้ำให้ใส
กวนน้ำให้ใส

กวนน้ำให้ใส

สารส้ม
วันศุกร์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 02.00 น.
พิษรถคันแรก

ดูทั้งหมด

  •  

โครงการ “รถคันแรก” ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีทั้งด้านดี และพิษร้าย


ด้านดี คือ กระตุ้นการซื้อรถในช่วงระยะเวลาที่ทำโครงการ

แต่ด้านลบ ดูจะร้ายแรง และเรื้อรังกว่า

จนถึงปัจจุบัน ยังมีพิษพ่นออกมาไม่หยุด สะท้อนว่าโครงการดำเนินการไม่รัดกุม มุ่งเอาคะแนนนิยมเฉพาะหน้า มากกว่าจะทำเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง

1. ปรากฏว่า ปัจจุบัน มีประชาชนจำนวนไม่น้อย ไม่สามารถโอนรถให้กับบุคคลอื่น แม้จะครอบครองรถมาเกินระยะเวลา 5 ปี ตามหลักเกณฑ์ของโครงการรถคันแรกแล้ว เพราะเป็นรถที่ได้รับแจ้งว่าอยู่ในข่ายถูกตรวจสอบจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ว่าอาจทำผิดเงื่อนไขโครงการ เช่น มีการเปลี่ยนมือเจ้าของรถก่อน หรือมีการขายก่อน 5 ปี บางรายที่อยู่ในข่ายไม่ควรได้รับเงินคืนภาษีมาตั้งแต่ต้น ซึ่งจะต้องนำเงินลดภาษีมาคืนให้กรมสรรพสามิตด้วย

2. ล่าสุด รายงานข่าวระบุว่า มีรถที่เข้าข่ายติดปัญหาการโอนอยู่ประมาณ 40,000

สาเหตุที่ติดปัญหาไม่สามารถโอนได้ เนื่องจากผู้ใช้สิทธิ์มีการยื่นเอกสารมาให้กรมล่าช้ากว่าที่ระเบียบกำหนดในสิ้น เดือนธ.ค. 2555 จึงทำให้ สตง.ตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นเอกสารมาล่าช้าอาจไม่ตรงกับหลักเกณฑ์การได้รับสิทธิ์รถคันแรกตามที่มีมติ ครม.หรือไม่ จึงให้มีการชะลอการโอนสิทธิ์ไว้ก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาตัดสินชัดเจน คาดว่าจะหาข้อยุติปัญหาได้ภายใน 2 สัปดาห์ หรือไม่เกินกลางเดือนก.พ.นี้

3. นายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน อาวุโสสูงสุดรักษาการแทนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยว่า สตง.สุ่มตรวจโครงการรถยนต์คันแรกตั้งแต่ปี 2558 จำนวน 4,000 คัน จากนั้น แจ้งผลการสุ่มตรวจในปี 2559 ให้กับกรมสรรพสามิต พบว่า มีเจ้าของรถเข้าข่ายกระทำผิดเงื่อนไขการขอคืนเงิน ประมาณ 1,000 ราย ดังนั้น กลุ่มที่กระทำผิดเงื่อนไขต้องคืนเงินภาษีให้กับรัฐ

4. สำหรับโครงการรถคันแรก ดำเนินการในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นการให้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ตามโครงการนี้ ด้วยการคืนภาษีสรรพสามิตให้ไม่เกินคันละ 1 แสนบาท

เริ่มโครงการ 16 กันยายน 2554 และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2555

มีประชาชนมาขอใช้สิทธิ์ 1,255,942 คัน

คิดเป็นเงินภาษีที่ต้องคืน 91,061 ล้านบาท โดยผู้มีสิทธิ์จะต้องส่งสำเนาเอกสารภายใน 15 วัน

จะได้รับการคืนภาษีตั้งแต่ 4 หมื่น-1 แสนบาทต่อคัน

โดยโครงการตั้งเงื่อนไขต่างๆ เช่น ผู้ซื้อต้องอายุ 21 ปีขึ้นไป, จะต้องไม่เคยซื้อรถยนต์มาก่อน, ระยะเวลา จะต้องซื้อตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2554-31 ธันวาคม 2555, ราคารถยนต์นั้นจะต้องไม่เกิน 1 ล้านบาท, รถยนต์ต้องมีเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี (สำหรับรถกระบะจะไม่จำกัด ซีซี), ต้องเป็นรถใหม่

ประการสำคัญ ห้ามโอนเปลี่ยนมือใน 5 ปี

หลังจากนั้น ในปีงบประมาณ 2555 รัฐบาลจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน 7,500 ล้านบาท ให้กรมสรรพสามิตคืนภาษีให้แก่ผู้ที่ครอบครองรถครบ 1 ปี ประมาณ 40,000 ราย วงเงิน 3,000 ล้านบาท

ในปีงบประมาณ 2556 จัดสรรงบ 18,000 ล้านบาท แต่ไม่เพียงพอ

กรมสรรพสามิตต้องทำเรื่องเสนอกระทรวงการคลังของบกลางอีก 20,000 ล้านบาท

ในปีงบประมาณ 2557 (1 ตุลาคม 2556-30 กันยายน 2557) รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณอีก30,000-40,000 ล้านบาทและปีงบประมาณ 2558 อีกจำนวนหนึ่ง

จนถึง 15 ตุลาคม2557 กรมสรรพสามิตได้จ่ายเงินให้ผู้ซื้อรถคันแรกไปแล้วกว่า 80,000 ล้านบาท

กรมสรรพสามิตเคยสรุปตัวเลขผู้ใช้สิทธิจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2557 พบว่า มีผู้ใช้สิทธิ 1.19 ล้านราย

แต่มีผู้ใช้สิทธินำเงินมาคืนเนื่องจากผิดเงื่อนไขโครงการ 2,335 ราย กรมสรรพสามิตเรียกเงินคืน 2,175 ราย (จำนวนนี้ได้ส่งหนังสือขอเรียกเงินคืน 1,800 ราย ขอผ่อนผันชำระ 61 ราย และได้ยื่นฟ้องร้อง 314 ราย)

มีรถที่รอรับเงิน หรืออาจจะทิ้งจองไปแล้วกว่า 113,196 ราย กระทั่งมาถึงยุคนี้ กระทรวงการคลังจึงได้เสนอปิดโครงการรถยนต์คันแรก เพราะถือว่าให้เวลาในการยื่นจอใช้สิทธินานมากเกินไปแล้ว

เท่ากับว่า รัฐได้ใช้เงินแผ่นดินจ่ายคืนภาษีให้กับผู้เข้าโครงการรถคันแรกไปแล้วอย่างน้อย 8 หมื่นล้านบาท

5. ตัวอย่างของการทำผิดเงื่อนไข และต้องคืนเงิน

จากการตรวจสอบพบว่า สำนักงานสรรพสามิตในหลายพื้นที่ อาทิ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ชลบุรี 2, สำนักงานสรรพาสามิตพื้นที่พิจิตร, สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ราชบุรี, สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ได้มีการแก้ไขปัญหาตามที่ สตง.รายงาน ไม่ว่าจะเป็น กรณีเอกสารประกอบไม่ครบถ้วน รวมถึงการติดตามเรียกเงินคืนจากผู้ขอใช้สิทธิที่ทำผิดเงื่อนไข อาทิ ชื่อตามใบจองรถยนต์เป็นคนละชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ อายุผู้ขอใช้สิทธิ์ไม่ครบ 21 ปีบริบูรณ์ ในช่วงจองรถยนต์ เป็นต้น 

ตัวอย่าง ในพื้นที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ราชบุรี กรณีนายกองใจ ขอใช้สิทธิคืนเงินรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทัน จำนวน 10,946 บาท ซึ่งกรมสรรพสามิต ทำการอนุมัติสิทธิคืนเงินให้ ก่อนที่จะมีการตรวจสอบเอกสารภายหลัง พบว่า ชื่อในใบจองเป็นคนละชื่อกับผู้ใช้สิทธิ 

สำนักงานสรรพสามิต พื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 กรณีนายชวนินทร์ อายุไม่ครบ 21 ปีบริบูรณ์ตอนจองรถยนต์ และรับรถยนต์ไม่ตรงรุ่น/หมายเลขเครื่องยนต์ และใบจองรถยนต์คนละชื่อกับชื่อผู้ขอใช้สิทธิ ซึ่งสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กทม.4 ได้ดำเนินการติดตามเรียกเงินคืนจากนายชวนินทร์ แล้ว ฯลฯ

น่าสนใจว่า จะต้องมีการเรียกเงินคืนจากผู้ร่วมโครงการที่ได้เงินไปทั้งหมดอีกกี่คน เป็นจำนวนกี่ล้านบาท

และผู้ที่ดำเนินโครงการในขณะนั้น จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างไร

6. เงินที่ใช้ซื้อรถคันแรกไปแล้ว 1 ล้านคันในยุคนั้น นับเป็นการใช้ดีมานด์ล่วงหน้าไปหลายปี

และถูกล็อกไว้ด้วยว่า 5 ปี ต้องถือครองรถ จะขายต่อไม่ได้หลังโครงการตลาดรถยนต์จึงซึมยาว ทั้งรถใหม่ รถมือสอง

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เคยสรุปผลจากนโยบายรถคันแรกว่า โครงการรถคันแรก มีผลดีตรงที่ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ยอดการผลิตปี 2556 ขยับขึ้นเป็นปีละกว่า 2 ล้านคัน แต่ผลเสียก่อให้เกิดหนี้ครอบครัว จากการเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคหดตัวลงทุกประเภทสินค้า (หลังมีโครงการรถคันแรก)

นอกจากนี้ ในรายงานการตรวจสอบของ สตง. ได้ระบุถึงผลกระทบของโครงการที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องไว้ด้วย ระบุว่า “การดำเนินโครงการฯ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งโดยตรงและโดยอ้อม กล่าวคือ ผลกระทบโดยตรง โครงการฯ ดังกล่าวสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา รัฐยังสามารถเก็บภาษีต่อเนื่องได้เพิ่มมากขึ้น และส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมต่อเนื่องมีการเติบโตได้ระยะหนึ่ง แต่ขาดความยั่งยืน โดยเป็นการดึงอุปสงค์ (Demand) ในอนาคต คือ ความต้องการซื้อล่วงหน้ามาใช้ จึงส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการผลิตรถยนต์

ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน วุฒิสภา ซึ่งในส่วนของกรมสรรพสามิตได้เชิญสภาอุตสาหกรรมเพื่อปรึกษาหารือและให้ข้อมูลเมื่อเริ่มต้นโครงการฯ ต่อมาเมื่อมีการดำเนินโครงการฯ แล้วและมีการขยายการดำเนินโครงการฯ สภาอุตสาหกรรมไม่ได้รับการปรึกษาหารือ จึงทำให้ขาดข้อมูลที่เพียงพอต่อการบริหารอุตสาหกรรมยานยนต์ในขณะนั้น

สำหรับผลกระทบโดยอ้อม จากการที่ยอดการผลิตรถยนต์ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเลิกจ้างแรงงานบางส่วน มีการยึดรถขายทอดตลาดจำนวนมาก และยังส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์มือสอง ซึ่งมีรถยนต์มือสองค้างในสต๊อกจำนวนมาก โดยมีเต็นท์รถยนต์มือสองหลายแห่งต้องปิดกิจการ นอกจากนี้ ปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจำนวนมาก ก่อให้เกิดผลกระทบต่อปัญหาการจราจรและปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากผู้ซื้อรถยนต์คันแรกยังไม่มีความรู้ความชำนาญในการขับรถยนต์เพียงพอ”

นี่จึงเป็นตัวอย่างของนโยบายประชานิยมมุ่งคะแนนเสียงเลือกตั้งและหวังผลได้ในทางเศรษฐกิจเฉพาะหน้า แต่ฝากปัญหาไว้กับระบบอุตสาหกรรมรถยนต์ และทิ้งภาระเป็นเสมือนพิษร้ายไว้กับประชาชนผู้ร่วมโครงการอีกยาวนาน

สารส้ม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:00 น. แนวหน้าวิเคราะห์ : ผลศาลฯสั่ง‘ทักษิณ’กลับจำคุก 1 ปี คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เขย่า‘เพื่อไทย’รอวันแตก?!
06:00 น. เปิด32รายชื่อโผครม.‘อนุทิน1’ ส่งตรวจคุณสมบัติ ยึดบรรทัดฐานศาลรธน.เข้ม
06:00 น. 50จังหวัดฝนหนัก กทม.ตกร้อยละ80 พิมายน้ำท่วมอ่วม เพชรบูรณ์ยังสาหัส
06:00 น. คนละครึ่งคืนชีพ! ‘หนู’ยันไม่เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เอกชนหนุน-ชงเพิ่ม200บ./วัน
06:00 น. ‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’ทำให้ ‘บอย อนุวัฒน์’หล่อทะลุเลนส์
ดูทั้งหมด
‘ตูมตาม’ช็อก!จากคุณหมอในห้องผ่าตัด สู่นักโทษในห้องขัง
(คลิป) 'ทักษิณ' ติดคุก! อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย
เปิดวาร์ป! 'จ๋า ธนนนท์'สาวเก่งเจ้าของธุรกิจคาเฟ่ ผู้คว้าหัวใจ'อนุทิน' แม้อายุห่าง20ปี
'ตู่ นันทิดา'คัมแบ็กวงการบันเทิง! เปิดใจครั้งแรกสาเหตุยุติเส้นทางการเมือง
'ต๊ะ นารากร'ส่ายหัว! ติงพิธีกรร่วม ปล่อย'แขก คำผกา'บูลลี่ สส.ปชน.ป่วยซึมเศร้า
ดูทั้งหมด
‘ทักษิณ’นายกฯไทยคนแรกโกงแล้วติดคุก
ITA ภาพลวงตาแห่งความโปร่งใสแบบ Made in Thailand รัฐไทยทำโชว์
หนอนร้อยขาฆ่าไม่ตาย
ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14
บุคคลแนวหน้า : 10 กันยายน 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เฮทดเจ็บ! ช้างศึกทุบเสือเหลืองคว้าตั๋วเอเชียยู23

'ครม.หนู'นิ่ง! 'อนุทิน'ยัน'ศุภจี'นั่ง'รมว.พาณิชย์' จ่อเปิดตัวพรุ่งนี้

ราชกิจจาฯประกาศให้'รุ่งเรือง พิทยศิริ-อ้น ทิพานัน-อัศวิน ขวัญเมือง'เลื่อนขึ้นเป็น สส.บัญชีรายชื่อ

เกิดอะไรขึ้น? 'เปิ้ล นาคร'ออกประกาศร่อนจดหมายปลดพนักงาน

(คลิป) ด่วน! เปิดคลิป‘ทักษิณ’นั่งรถราชทัณฑ์มุ่งหน้าเข้าเรือนจำคลองเปรม

‘กรมคุก’ชี้แจง! ปมย้าย‘ทักษิณ’ขังเรือนจำคลองเปรม

  • Breaking News
  • แนวหน้าวิเคราะห์ : ผลศาลฯสั่ง‘ทักษิณ’กลับจำคุก 1 ปี คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เขย่า‘เพื่อไทย’รอวันแตก?! แนวหน้าวิเคราะห์ : ผลศาลฯสั่ง‘ทักษิณ’กลับจำคุก 1 ปี คดีป่วยทิพย์ชั้น 14 เขย่า‘เพื่อไทย’รอวันแตก?!
  • เปิด32รายชื่อโผครม.‘อนุทิน1’ ส่งตรวจคุณสมบัติ ยึดบรรทัดฐานศาลรธน.เข้ม เปิด32รายชื่อโผครม.‘อนุทิน1’ ส่งตรวจคุณสมบัติ ยึดบรรทัดฐานศาลรธน.เข้ม
  • 50จังหวัดฝนหนัก กทม.ตกร้อยละ80 พิมายน้ำท่วมอ่วม เพชรบูรณ์ยังสาหัส 50จังหวัดฝนหนัก กทม.ตกร้อยละ80 พิมายน้ำท่วมอ่วม เพชรบูรณ์ยังสาหัส
  • คนละครึ่งคืนชีพ! ‘หนู’ยันไม่เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เอกชนหนุน-ชงเพิ่ม200บ./วัน คนละครึ่งคืนชีพ! ‘หนู’ยันไม่เรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เอกชนหนุน-ชงเพิ่ม200บ./วัน
  • ‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’ทำให้ ‘บอย อนุวัฒน์’หล่อทะลุเลนส์ ‘เจี๊ยบ พิจิตตรา’ทำให้ ‘บอย อนุวัฒน์’หล่อทะลุเลนส์
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า  และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

ทักษิณติดคุกจากกรรมเก่า และเสี่ยงถูกแจ้งข้อหาใหม่เพิ่มจากปมชั้น14

10 ก.ย. 2568

คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’  แต่ต้อง ‘ไม่หยุดแค่คนละครึ่ง’

คืนชีพ ‘คนละครึ่ง’ แต่ต้อง ‘ไม่หยุดแค่คนละครึ่ง’

9 ก.ย. 2568

ทักษิณอัสดง  เพื่อไทยฝ่ายค้าน

ทักษิณอัสดง เพื่อไทยฝ่ายค้าน

8 ก.ย. 2568

นักการเมืองแย่งอำนาจกัน  อย่าบังอาจกดดันเบื้องสูง

นักการเมืองแย่งอำนาจกัน อย่าบังอาจกดดันเบื้องสูง

5 ก.ย. 2568

ชิงเหลี่ยมการเมือง  ส้ม แดง น้ำเงิน

ชิงเหลี่ยมการเมือง ส้ม แดง น้ำเงิน

4 ก.ย. 2568

ดาบสอง ยุบพรรค  ดาบสาม อาญา

ดาบสอง ยุบพรรค ดาบสาม อาญา

3 ก.ย. 2568

พรรคแดง... สส.ผึ้งแตกรัง หรือเห็บกระโดด?  พรรคส้ม... คิดแต่ผลประโยชน์การเมืองของตนเอง

พรรคแดง... สส.ผึ้งแตกรัง หรือเห็บกระโดด? พรรคส้ม... คิดแต่ผลประโยชน์การเมืองของตนเอง

2 ก.ย. 2568

ทำในเรื่องที่ไม่มีอำนาจ  ระวังจะติดคุกตอนแก่

ทำในเรื่องที่ไม่มีอำนาจ ระวังจะติดคุกตอนแก่

1 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved