ช่วงปลายปี 2559 สตง.เคยทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร แจ้งผลการตรวจสอบโครงการก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
ได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินกว่า 22,407 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 6 ปี (2554-2559)
ปรากฏว่า กกท. ไม่ดำเนินการจัดจ้างเพื่อให้ได้ผู้รับเหมาเข้ามาดำเนินงานเอง แต่ไปทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับกรมทางหลวง ให้เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสนามกีฬาในจังหวัดต่างๆ แทน ทั้งๆ ที่ กรมทางหลวง ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า หน้าที่หลัก คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสร้างถนนหนทาง หรือบำรุงรักษาถนน
สตง. ตรวจสอบพบว่า กรมทางหลวงได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดไปดำเนินการในจังหวัดต่างๆ เช่น ศูนย์ทางหลวงลำปาง รับผิดชอบการก่อสร้างสนามกีฬา ที่จังหวัดลำปาง สกลนคร สระแก้ว สมุทรปราการ นราธิวาส
สุดท้าย งานก่อสร้างเกิดปัญหา ล่าช้า เกิดความเสียหายแก่เงินแผ่นดินและประโยชน์ของประชาชน
1.คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติในหลักการให้ก่อสร้างสนามกีฬาระดับจังหวัด 7 จังหวัด คือ มหาสารคาม สระแก้ว สมุทรปราการ อำนาจเจริญ สกลนคร เพชชรบูรณ์ นราธิวาส เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2553
งบประมาณก่อสร้างสนามกีฬาทั้ง 7 แห่ง วงเงิน 1,147,905,800 บาท
ปรากฏว่า กกท.ไปทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง กกท. กับ กรมทางหลวง เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2555 โดยกรมทางหลวงจะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างสนามกีฬาทั้ง 7 จังหวัด กำหนดแล้วเสร็จภายใน 270 วัน และศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติจังหวัดสระบุรี (เพิ่มเติมอีกแห่ง)
2.เหตุใด กกท. ไม่ดำเนินการประมูลจัดซื้อจัดจ้างเอง ตามแบบปกติอย่างควรจะเป็น
เหตุใดกลับไปทำข้อตกลงให้กรมทางหลวงรับไปดำเนินการแทน?
นักการเมืองที่กุมอำนาจเป็นรัฐบาล กำกับดูแลทั้ง กกท. และกรมทางหลวง ในขณะนั้น (ปี 2555 ที่ลงนาม MOU) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงนโยบายเช่นนี้อย่างไร?
3.ปรากฏว่า กรมทางหลวง ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการก่อสร้าง เช่น ศูนย์สร้างทางลำปาง รับผิดชอบก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดลำปาง สกลนคร สระแก้ว สมุทรปราการ นราธิวาส
น่าแปลกใจ... ศูนย์สร้างทางลำปาง ได้รับผิดชอบงานก่อสร้างสนามกีฬาต่างภูมิภาค ต่างถิ่น ได้แก่ สกลนคร สระแก้ว สมุทรปราการ หรือแม้แต่ลงใต้ไปถึงจังหวัดนราธิวาส
สุดท้าย งานก่อสร้างทุกแห่งล่าช้า ไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนดไว้
4.ในการตรวจสอบของ สตง. ชี้ว่า การก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัด เป็นภารกิจหลักของ กกท. การที่ กกท.ทำบันทึกข้อตกลงให้กรมทางหลวง ก่อสร้างสนามกีฬาจำนวน 7 จังหวัด ในปี 2555 ซึ่งมิใช่ภารกิจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านทางหลวง หรือการก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวงของกรมทางหลวง
และการก่อสร้างล่าช้า ทำให้ประชาชนไม่ได้ใช้ประโยชน์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดิน รวมทั้งการดำเนินการไม่บรรลุเป้าหมายและไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างแท้จริง และเนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีการจัดทำสัญญาระหว่างกันทำให้ไม่มีการเรียกค่าปรับจากการดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในบันทึกข้อตกลง
5.ปัจจุบัน ทราบว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย กกท.ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้เสร็จแล้ว
เกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างสนามกีฬาใน 7 จังหวัด คือ มหาสารคาม สระแก้ว สมุทรปราการ อำนาจเจริญ สกลนคร เพชรบูรณ์ นราธิวาส และศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ จังหวัดสระบุรี วงเงินรวมกว่า 1,200 ล้านบาท
เห็นว่า การดำเนินการของผู้เกี่ยวข้องในโครงการ มีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเหตุให้ กกท. เสียหาย จงใจหรือประมาทเลินเล่อไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กกท. จึงเห็นสมควรดำเนินการทางวินัย ทางแพ่ง อาญา แล้วแต่กรณีแก่ผู้เกี่ยวข้อง พร้อมเสนอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อไปด้วย
การดำเนินการในเรื่องนี้ เป็นอย่างไร? ไปถึงไหน? สมควรที่รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวฯ คนปัจจุบัน ดร.วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ จะต้องติดตามแถลงไขต่อสาธารณชนให้กระจ่างชัด
อย่าลืมว่า ยุคนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศไว้ชัดเจนว่า จะเดินหน้าปราบโกง
ถึงขนาดใช้มาตรา 44 เดินช่องทางในการจัดการกับข้าราชการทุจริตไว้แล้ว
ในกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็ไม่ใช่ข้อละเว้น!
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี