พรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะทำอะไร?
ข่าวว่า หลังปลดล็อกพรรคการเมืองคราวนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรค ผ่านการลงคะแนนหยั่งเสียง ว่าประสงค์จะให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์?
1. เพจทางการของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ Abhisit Vejjajiva อธิบายความเอาไว้ว่า
“ประชาธิปัตย์ยุคใหม่กับการเลือกหัวหน้าพรรคโดยสมาชิก
ช่วงนี้ มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้น จึงขอใช้พื้นที่ตรงนี้อธิบายที่มาที่ไปของเรื่องนี้ครับ
ผมเคยประกาศแนวคิดที่จะให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสเลือกหัวหน้าพรรค ตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ“ประชาธิปัตย์ยุคใหม่”พร้อมกับเป็นการยืนยันความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคในระบบประชาธิปไตยของไทยความเป็นประชาธิปไตยต้องเริ่มต้นตั้งแต่ภายในพรรค พรรคการเมืองต้องไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ พรรคประชาธิปัตย์ พิสูจน์เรื่องนี้มากว่า๗๐ ปี จึงยืนหยัดมาได้ เราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีการแข่งขันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอย่างจริงจังมาหลายครั้ง
ปัจจุบัน ข้อบังคับของพรรคกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วย สส. และประธานสาขาพรรคเป็นหลัก เป็นผู้มีสิทธิเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งก็สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ที่ออกมาอยู่แล้ว แต่ผมมองว่าประชาธิปัตย์สามารถเป็นผู้นำและมีความก้าวหน้ากว่านี้ได้ โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบันทำให้มีเหตุผลเพิ่มเติม คือ
• การปฏิรูปการเมืองที่ดำเนินการโดย คสช. ในเรื่องนี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ความพยายามที่จะให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ เช่น การหยั่งเสียงเบื้องต้นเพื่อคัดเลือกผู้สมัคร สส. กำลังจะวนกลับไปสู่ที่เดิม ขณะที่การแสดงตัวเป็น “เจ้าของ” ของพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งใหม่และเก่าก็ยังชัดเจน
• คำสั่ง คสช.ที่ ๕๓/๒๕๖๐ มีผลให้สาขาพรรคกว่า ๑๕๐ สาขาทั่วประเทศถูกยุบ ทำให้องค์ประกอบของที่ประชุมใหญ่ขาดความหลากหลายและความเป็นประชาธิปไตย
• สี่ปีที่ไม่มีการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ในขณะที่ความเปลี่ยนแปลงในสังคมโลกและในประเทศ เกิดขึ้นอย่างมากมายและรวดเร็ว ทำให้มีความจำเป็นที่จะให้สมาชิกพรรคและประชาชนในวงกว้างเข้ามามีส่วนร่วม มากกว่าการปล่อยให้การกำหนดตัวผู้บริหารและทิศทางของพรรค จำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มอดีต สส.และผู้บริหารพรรคในปัจจุบัน
• ในอดีตเราไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกให้สมาชิกมีส่วนร่วมอย่างนี้ได้ แต่ในปัจจุบัน การลงคะแนนผ่านโทรศัพท์มือถือทำได้ไม่ยากแล้ว การหยั่งเสียงเลือกตั้งครั้งนี้พรรคจะให้สามารถทำได้โดยใช้แอพพลิเคชั่นผ่านทางโทรศัพท์ได้
การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ของประชาธิปัตย์ จึงเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของระบบการเมืองไทย ซึ่งผมหวังว่ากระบวนการนี้จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ การแข่งขันที่จะเกิดขึ้น ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องของความขัดแย้ง เพราะหากมองเช่นนั้นเท่ากับเป็นการไม่สนับสนุนให้เกิดกระบวนการประชาธิปไตยในพรรคการเมือง
อย่างไรก็ตาม โดยที่กฎหมายพรรคการเมืองยังไม่ได้รองรับเรื่องนี้ไว้ พรรคประชาธิปัตย์ จึงจำเป็นจะต้องแก้ไขข้อบังคับให้ที่ประชุมใหญ่ของพรรคซึ่งกฎหมายยังกำหนดให้เป็นผู้เลือกหัวหน้าพรรค จะต้องรับฟังผลของการหยั่งเสียงจากสมาชิก ซึ่งผมมั่นใจว่าที่ประชุมใหญ่จะทำเช่นนั้น
สำหรับกรอบเวลาการดำเนินการในเรื่องนี้จะเป็นไปตามแผนภาพข้างล่างนี้ ส่วนรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับวิธีการนั้นจะได้เล่าให้ฟังในโอกาสต่อไปครับ”
2. ขณะนี้ ปรากฏชื่ออดีต สส. คนเด่นคนดังหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในข่ายจะถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่
แน่นอน...นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่มีเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน นายจุติ ไกรฤกษ์ ประกาศหนุนให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปอย่างเต็มที่
รายชื่อตัวเลือก (ยังไม่มีการยืนยันจากเจ้าตัว) อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ฯลฯ
ล่าสุด นพ.วรงค์โพสต์ข้อความระบุว่า “ผมขอชื่นชมท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีแนวคิดให้สมาชิกพรรคทั้งประเทศ มีส่วนร่วมในการโหวตเลือกหัวหน้าพรรค และทำพรรคให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ถือได้ว่าเป็นการปฏิรูปพรรคครั้งสำคัญ
ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ ต้องเริ่มต้นจากพรรคการเมืองถ้าพรรคการเมืองมีความเป็นประชาธิปไตย เมื่อมีโอกาสบริหารประเทศ ก็จะมีความเป็นประชาธิปไตย
ในทางกลับกัน ถ้าพรรคการเมืองใดมีการเริ่มต้นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ปล่อยให้เจ้าของพรรคมากำหนดผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่ต่างจากเผด็จการซ่อนรูป เมื่อพรรคดังกล่าวมาบริหารประเทศ ก็จะมีความเป็นเผด็จการแฝงอยู่ เพราะต้องทำเพื่อเจ้าของ แต่ปากก็อ้างประชาธิปไตย”
3. ไม่ว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป... หากพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการให้สมาชิกพรรคได้มีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรคจริงๆ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม สนับสนุน
อย่าลืมว่า สมาชิกพรรคการเมืองตามกฎหมายใหม่ มีเจตนารมณ์ต้องการให้สมาชิกพรรคมีปากมีเสียง มีความเป็นเจ้าของพรรค มีสิทธิส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของพรรคการเมือง
สมาชิกพรรคถึงขนาดต้องจ่ายเงินค่าสมาชิก ค่าบำรุงพรรค เพราะฉะนั้น ก็ถูกแล้วที่จะต้องให้มีปากมีเสียงจริงๆ
อันที่จริง พรรคการเมืองอื่นๆ ก็ควรจะต้องดำเนินการตามแนวทางเช่นนี้เป็นมาตรฐานขั้นต่ำ
4. ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ทำ แล้วพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ทำ สมาชิกพรรคการเมืองอื่นๆ สมควรจะต้องจี้ถาม กดดัน เอาคำตอบจากผู้บริหารพรรคการเมืองของตนเองว่า เห็นหัวสมาชิกพรรคบ้างไหม?
เห็นสมาชิกเป็นอะไร?
เป็นแค่ทาสในเรือนเบี้ย กระนั้นหรือ?
หากพรรคการเมืองไม่ทำ และมีคำตอบที่สมเหตุสมผล สมาชิกพรรคที่มีอุดมการณ์ มีจุดยืน ไม่ใช่ขี้ข้าของนักการเมือง ก็ควรจะสั่งสอนนายทุนผู้บริหารพรรคการเมืองนั้นๆ ไม่ว่าจะด้วยการลาออก หรือด้วยวิธีการใดๆ สุดแท้แต่ มิฉะนั้น ก็เท่ากับว่า พรรคการเมืองนั้นๆ ไม่เห็นค่า ไม่เห็นหัวสมาชิกพรรคเอาเสียเลย
5.น่าสนใจว่า ในกระบวนการดำเนินการของพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการขับเคี่ยวกันแค่ไหน? สร้างสรรค์หรือไม่ อย่างไร?
หากดำเนินการอย่างเปิดเผย โปร่งใส ย่อมจะเป็นผลดีกับพรรคประชาธิปัตย์เอง
เพราะนอกจากจะทำให้เกิดภาพเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองประเภทที่รอนายใหญ่สั่งลูกเดียวแล้ว ยังทำให้พรรคประชาธิปัตย์สามารถช่วงชิงพื้นที่ข่าวสารทางการเมืองที่สร้างสรรค์ได้ด้วย โดยผู้ท้าชิงจะต้องนำเสนอนโยบาย จุดยืน หาเสียงกับสมาชิกพรรค ส่วนสมาชิกพรรคทั่วประเทศก็จะได้ออกเสียงลงคะแนน (ไม่ว่าจะด้วยเทคโนโลยีแบบใด) น่าจะเป็นย่อส่วนของการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เสมือนพรรคประชาธิปัตย์ได้ซ้อมใหญ่หาเสียงไปก่อน
สมาชิกพรรคอื่น หรืออดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เดิมที่ลาออกไป หรือยังไม่ได้ยืนยันสมาชิกภาพกลับคืน หากได้ทราบว่าตนเองจะมีปากมีเสียงได้อย่างไร ก็อาจจะกลับมาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง ก็เป็นได้
6. ข้อเสียประการเดียว คือ หากมีการแข่งขันที่ไม่สุจริต หรือไม่สร้างสรรค์ นั่นจึงอาจเป็นการสร้างผลเสียแก่พรรคประชาธิปัตย์
หรือถ้าเสียงสมาชิกพรรคส่วนใหญ่เลือกใคร แล้วกรรมการบริหารพรรคไม่เอาชื่อนั้นเป็นหัวหน้าพรรค (ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ยาก) แบบนั้น จึงจะเป็นการเผาบ้านตัวเอง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี