ในที่สุด บริษัท โทมัส คุก (Thomas Cook) บริษัทท่องเที่ยวที่มีประวัติก่อตั้งเก่าแก่ยาวนานที่สุดในโลกนานถึง 178 ปี ได้ประกาศล้มละลายอย่างเป็นทางการ สร้างความตกใจและแรงสั่นสะเทือนในวงการธุรกิจการท่องเที่ยว
โทมัส คุก เป็นบริษัทท่องเที่ยว สัญชาติอังกฤษ ประกอบธุรกิจ ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท และสายการบินลูกค้าทั่วโลก ใช้บริการ ปีละประมาณ 19 ล้านคน
แม้ โททัส คุก จะเป็นบริษัทสัญชาติอังกฤษ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัท กลับเป็นบริษัทสัญชาติจีน ชื่อ บริษัท โฟซุน
โทมัส คุก มีพนักงานทั่วโลก ประมาณ 22,000 คน ในจำนวนนี้มีพนักงานที่เป็นชาวอังกฤษ ประมาณ 9,000 คน
ตอนที่ โทมัส คุก จะล้มละลาย มีหนี้สินอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 6.4 ล้าน ล้านบาท
โทมัส คุก ต้องการหาแหล่งเงินกู้ เพื่อให้รอดพ้นจากการล้มละลาย เป็นเงินประมาณ 7,500 บาท เพื่อใช้หมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ แต่เนื่องจากธุรกิจขาดสภาพคล่อง และขาดความน่าเชื่อถือ จึงไม่มีสถาบันการเงินรายใดยอมปล่อยสินเชื่อให้เงินกู้อีก จึงเป็นสาเหตุสำคัญให้ โทมัส คุก มีหนี้สินล้นพ้นตัว และล้มละลายในที่สุด
ผลกระทบจากการที่ โทมัส คุก ล้มละลาย ทำให้นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ ติดค้างอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ทั่วโลกเป็นจำนวนประมาณ 600,000 คน ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษประมาณ 150,000 คน
เหตุที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวติดค้างอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของโลก เพราะบรรดานักท่องเที่ยวเหล่านั้น ได้ใช้บริการจองการท่องเที่ยวผ่าน โทมัส คุก ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม และการเดินทางด้วยสายการบิน
แม้บรรดานักท่องเที่ยวเหล่านั้น ได้ชำระเงินค่าใช้จ่ายให้แก่ โทมัส คุก แล้วก็ตาม แต่เมื่อโทมัส คุก ได้ไปจองใช้บริการต่ออีกทอดหนึ่ง โทมัส คุก ไม่ต้องชำระค่าบริการเหล่านั้นในทันที แต่ยังมีระยะเวลาเครดิต หรือรอการชำระเงินอีก 30 วัน
เมื่อโทมัส คุก ได้ล้มละลาย จึงไม่มีใครไปจ่ายเงินค่าบริการโรงแรม และสายการบิน ให้แก่บรรดานักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ โทมัส คุก
โรงแรม และสายการบิน หลายแห่งไม่ยอมให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นลูกค้าของ โทมัส คุก เพราะผู้ให้บริการไม่ได้รับเงินค่าตอบแทน
กรณีดังกล่าวนี้ ยังมีผลกระทบแก่ผู้ประกอบกิจการโรงแรมในประเทศไทย โรงแรมบางแห่ง ในภาคใต้ มียอดเงินที่ โทมัส คุก ติดค้างค่าบริการเป็นเงินจำนวนกว่า 500,000 บาททั้งที่ประเทศไทยอยู่ห่างจากประเทศสหราชอาณาจักร เป็นระยะทางไกล ห่างกันคนละทวีปก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ โทมัส คุก ติดค้างอยู่ตามที่พักในสถานที่ท่องเที่ยวประเทศต่างๆ ทั่วโลกประมาณ 600,000 คน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษประมาณ 150,000 คน
ทำให้รัฐบาลอังกฤษ ต้องรีบจัดเตรียมงบประมาณเป็นเงินจำนวนประมาณ 22,000 ล้าน บาท เพื่อจัดเครื่องบินไปรับชาวอังกฤษ ที่ตกค้างอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก นับว่าเป็นการขนย้ายชาวอังกฤษที่มีจำนวนมากที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เป็นต้นมา
ส่วนนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ เป็นเรื่องที่รัฐบาล ในแต่ละประเทศ จะต้องดำเนินการขนย้ายประชากรของตนเองประเทศส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป
ยังนับว่าโชคดีบ้าง ที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผลกระทบกระเทือนถึง บริษัทลูกของ โทมัส คุก ในประเทศต่างๆ โดยตรงมิฉะนั้น อาจมีนักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ มากกว่านี้เป็นจำนวนถึงหลัก 1,000,000 คน ขึ้นไป
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ โทมัส คุก ประสบภาวะล้มละลายคือ พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนในยุคใหม่เปลี่ยนไป และผลกระทบจากเบร็กซิท (Brexit) ซึ่งเป็นกรณีที่ ประเทศสหราชอาณาจักรจะถอนตัวออกจากประชาคมยุโรป
ประเด็นพฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนในยุคใหม่เปลี่ยนไป เกิดจากการสื่อสารข้อมูล และการค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เนต สามารถทำได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว คนยุคใหม่จึงสามารถหาข้อมูลการท่องเที่ยวด้วยตนเอง และยังจองโรงแรม สายการบินเพื่อการเดินทาง ในราคาถูกด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริการจากบริษัทการท่องเที่ยวมากเหมือนสมัยก่อน
จะมีนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เป็นผู้สูงอายุ ไม่ถนัดการใช้ และค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เนต ที่ยังต้องพึ่งพาบริษัทท่องเที่ยวแบบแต่ก่อน ส่วนคนรุ่นใหม่จะใช้บริการบริษัทท่องเที่ยวน้อยลงหรือแทบไม่ใช้เลย
นับว่าเป็นกระแสการเปลี่ยนแปลง ของธุรกิจต่างๆ หากไม่ปรับเปลี่ยนให้ทันยุคทันสมัย จะไม่สามารถอยู่รอดในกระแสปัจจุบันได้เลย ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์
และหนังสือพิมพ์ หากไม่ปรับตัวให้ทันยุคทันสมัย จะต้องทยอยปิดธุรกิจ อย่างน่าเสียดาย
ในเรื่องของเบร็กซิท หรือการออกจากประชาคมยุโรปของประเทศสหราชอาณาจักร ที่ไม่มีความชัดเจน แม้จะได้ผ่านการลงประชามติของประชาชนไปแล้ว จะได้ผลออกมาว่าให้ออกจากประชาคมยุโรป แต่มีผู้ท้วงติงว่า มีผู้ไปใช้สิทธิ์ออกเสียงลงประชามติน้อยเกินไป ทำให้ไม่ได้ผลที่ชัดเจนแน่นอน แต่นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ถือว่าเมื่อได้แสดงประชามติเป็นประชาธิปไตยแล้ว มีผลแล้วจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยการทำประชามติใหม่อีกครั้ง
แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล เมื่อมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติไม่ได้ให้การสนับสนุนเบร็กซิท ทำให้ฝ่ายรัฐบาลที่สนับสนุนเบร็กซิท พ่ายแพ้ในการลงคะแนนเสียงในสภาหลายครั้ง เกิดความไม่แน่นอน ไม่มีความน่าเชื่อถือทางธุรกิจ นักธุรกิจ ไม่กล้าลงทุน และขยายการลงทุนเพิ่ม
สำหรับคนรุ่นใหม่ ที่มักจะหาข้อมูล การท่องเที่ยว จองบริการโรงแรม และสายการบินในการท่องเที่ยวด้วยตนเอง ผ่านเว็บไซต์ (Website) ประเภท .com ทั้งหลาย ด้วยความเข้าใจ และเชื่อว่า จะได้ราคาถูก หรือราคาพิเศษ มากกว่าที่จะติดต่อจอง โรงแรม และสายการบิน โดยตรง
หากไม่ใช้ความระมัดระวัง ลองตรวจสอบ และเปรียบเทียบราคาให้ดี ก่อนจองอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ ประเภท.comต่างๆ แล้ว อาจเสียค่าบริการแพงกว่า การติดต่อจอง โรงแรมและสายการบินโดยตรงด้วยตนเองเสียอีก
การจองด้วยตนเองสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไทยบางครั้งอาจไม่เคยสังเกตว่า ผู้จองหรือผู้ใช้บริการ จะถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ที่อ้างว่าเป็น ภาษีท้องถิ่นถึง 10% ทั้งที่ภาษีท้องถิ่น หากเรียกเก็บตามกฎหมายจะอยู่ในอัตราเพียงแค่ 3% เท่านั้น
เมื่อนักท่องเที่ยวสอบถามโรงแรมถึงภาษีท้องถิ่นดังกล่าวนี้ ผู้ให้บริการจะอ้างอิง ข้อความในเว็บไซต์ที่มีตัวเล็กมาก จนแทบไม่เห็น และไม่มีใครสังเกตว่ามีข้อความนี้อยู่ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบนักท่องเที่ยว
หากมีการโต้เถียง และไม่ยอมยุติกันโดยง่าย ผู้ให้บริการบางรายจะแก้ปัญหา ด้วยวิธีการยกเว้นไม่เก็บค่าภาษีท้องถิ่น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่มีปัญหา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ผิดสังเกต และผิดปกติเป็นอย่างมาก
ไม่ว่ากระแสของการท่องเที่ยวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้บริโภค และเป็นผู้ชำระเงิน คงต้องยึดหลักที่ว่า
ผู้ซื้อควรระวัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี