วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
nn การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือ โควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับชีวิตมากมายหลายมิติ แม้จะว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในแง่ลบเสียส่วนใหญ่ แต่ยังมีส่วนดีอยู่บ้างในบางมุมเช่น ทำให้คนกลับมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น...ทำให้บางธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น ธุรกิจบริการส่งสินค้าหรืออาหาร และยังเป็นแหล่งรองรับคนที่ต้องตกงานจากพิษของโควิด-19ได้มีอาชีพเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวด้วยและบางครอบครัวมีแหล่งรายได้เดียวจากอาชีพนี้ด้วย นอกจากนี้ทุกคนอยู่ในอาชีพนี้ได้ไม่ว่าจะเพศไหนไม่มีข้อจำกัดเรื่องการศึกษาระดับใด อายุเท่าใดทำอาชีพนี้ได้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนประชากรที่อยู่ในอาชีพนี้ถึง 3-4 แสนคน และในอนาคตก็กำลังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคน จากพิษของโควิด-19
ประเด็นที่ “หมุนตามทุน” เขียนเรื่องนี้ในวันนี้ก็เพราะว่า คนหลายแสนคนที่อยู่ในอาชีพนี้กำลังจะเดือดร้อน บางคนอาจจะหลุดออกจากอาชีพนี้ด้วยซ้ำ...เนื่องจากทางราชการกำลังจะออกกฎหมายใหม่มาแบบผิดที่ผิดทาง....เรื่องของเรื่องก็คือ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ มาตรการควบคุมการประกอบกิจการให้บริการจัดส่งอาหารอาศัยอำนาจ ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ให้หมวดสถานประกอบการกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ร่างประกาศกระทรวงที่กรมอนามัยที่กำลังเร่งที่จะออกมาเร็วๆนี้นั้น มีจุดที่น่าสังเกต น่าสงสัยหลายเรื่อง ซึ่ง “หมุนตามทุน” ขอเริ่มจากประเด็น ข้อกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการให้บริการจัดส่งอาหาร และผู้จัดส่งอาหาร ต้องดำเนินการ ซึ่งก็มี 6 หมวดหลัก และแบ่งเป็นข้อปฏิบัติย่อยรวมกันอีก 28 ข้อ...เช่น 1.ผู้จัดส่งอาหารจะต้องเลือกอาหารที่มาจากร้านที่ได้ขึ้นทะเบียนได้รับการรับรองจากหน่วยงานราชการ เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือจากร้านอาหารที่สามารถระบุแหล่งที่มาขอวัตถุดิบได้...คำถามที่เกิดขึ้นคือ แสดงว่าต่อไปนี้ร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวแกงทั่วๆ ไป หรือผู้ที่มีอาชีพทำน้ำพริกใส่กระปุก ทำอาหาร ขายในออนไลน์ ก็ใช้บริการจาก แกร็บ ฟู้ด...ฟู้ด แพนด้า... ไลน์แมน... เกจโกฯลฯ ไม่ได้อีกแล้วใช่ไหม ???? อาชีพสุดท้ายที่พอจะเหลือไว้เลี้ยงชีพของคนเหล่านี้ก็ต้องจบด้วยใช่หรือไม่ ???
2.ผู้ให้บริการจัดส่งอาหารจะต้องเลือกให้บริการแต่แหล่งอาหารที่ใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับอาหารถูกสุขลักษณะ ป้องกันการปนเปื้อน...คำถามในประเด็นนี้ ผู้มีหน้าที่ควบคุมสุขอนามัยของสถานที่ผลิตอาหาร ควรจะเป็นหน้าที่ของกรมอนามัยมิใช่หรือ ทำไมจึงโยนภาระมาให้ผู้จัดส่งอาหาร แล้วผู้จัดส่งอาหารมีอำนาจตามกฎหมายใด ที่จะไปบังคับร้านอาหารได้ ???
3.กำหนดให้ผู้ให้บริการจัดส่งออกอาหาร ต้องมีระบบคัดกรองผู้ส่งอาหาร ตรวจสอบประวัติตรวจสุขภาพอย่างละเอียดว่าไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ไม่เป็นพาหะนำโรค คำถามในข้อนี้คือผู้จัดส่งอาหาร ที่มีอยู่ 3-4 แสนคน มีความพร้อมสักกี่คนที่สามารถรองรับค่าใช้จ่ายในการตรวจโรค ตรวจร่างกาย ให้ครอบคลุมคำว่าโรคร้ายแรงทุกโรคได้...เอาเข้าจริงก็ไม่มีผู้จัดส่งคนไหนแบกรับค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้เลย ซึ่งก็รู้การอยู่ว่าบริการทางการแพทย์ในลักษณะนี้ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1-2 หมื่นบาท
4.กำหนดให้ผู้จัดส่งอาหารต้อง ตรวจไข้ทุกวัน มีการตรวจเล็บ ตรวจผม ผิวหนังบริเวณมือและนิ้ว ทุกวัน เครื่องแต่งกายต้องสะอาด เป็นระเบียบ และน่าเชื่อถือ....คำถามในข้อนี้คือใครจะเป็นคนตรวจ หลักฐานการตรวจใครรับรอง ในประกาศฯก็ไม่ได้ระบุว่า กรมอนามัย จะเป็นผู้ตั้งจุดตรวจสัก 2-3 พันจุด เพื่อดำเนินการให้ครอบคลุมผู้จัดส่งอาหาร ทั้ง 3-4 แสนคน...ไม่เข้าใจว่าว่าเขียนมาทำไมในเมื่อในทางปฏิบัติเป็นไม่ได้
5.กำหนดให้ผู้จัดส่งอาหารต้องผ่านการอบรมหลักสูตรสุขาภิบาลอาหารสำหรับผู้สัมผัสอาหารจากหน่วยงานจัดการอบรมที่กำหนด....คำถามคือ กรมอนามัยตั้งใจจะบังคับใช้กฎหมายภายในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ผู้จัดส่งอาหารมีอยู่ 3-4 แสนคน กรมอนามัยดำเนินการได้ทันหรือ????
6.กำหนดให้ผู้จัดส่งอาหารจะต้องตรวจสอบคุณภาพอาหารทันทีหลังได้รับจากร้านอาหาร เช่น ความสะอาด สภาพอาหารบรรจุอยู่ในภาชนะที่มีสภาพดี ไม่ชำรุด ฉลากอาหาร ฯลฯ....คำถามคือหน้าที่นี้ควรเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมอนามัยมิใช่หรือ ทำไมโยนภาระไปให้ผู้จัดส่งอาหารไปได้
7.กำหนดให้ผู้จัดส่งอาหารต้องมีประจำตัวส่วนบุคคลสำหรับผู้ให้บริการ มีใบอนุญาตขับขี่ และมีประกันภัยที่ถูกต้องตามกฎหมายพร้อมให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลาในการปฏิบัติหน้าที่....คำถามคือเรื่องนี้มันเกี่ยวกับคุณภาพอาหารที่จัดส่งตรงไหน...หรือรถที่ประกันขาดจะทำให้อาหารบูดเน่า หรือว่าใบขับขี่หมดอายุ จะเป็นต้นเหตุให้อาหารเกิดการปนเปื้อน
หมุนตามทุน...ยกตัวอย่างบางประเด็นที่น่าจะทำให้เกิดปัญหามานำเสนอไว้ตรงนี้เท่านี้ก่อน...แต่ต้องเข้าใจตรงกันว่า หมุนตามทุน...เห็นด้วยกับการที่ให้ความใส่ใจสุขอนามัย โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 แต่เรื่องนี้ที่กรมอนามัยกำลังจะทำ มันทำให้เกิดคำถาม เกิดข้อสงสัยกลับไปยังกรมอนามัยมากมายหลายเรื่อง เช่น เรื่องที่ส่งผลกระทบต่อคนเกือบครึ่งล้านคน ทำไมใช้ช่องทางกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการทำประชาพิจารณ์ เพราะต้องการจะเร่งสร้างผลงานให้ตัวเอง โดยไม่รับฟังความเห็นจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง?...ทำไมโยนภาระหน้าที่ของตัวเองที่ต้องทำตามกฎหมายให้ไปเป็นภาระของผู้อื่น?...ทำไมเลือกออกข้อบังคับทางกฎหมายที่อาจจะไม่สามารถปฏิบัติได้จริง แทนที่จะใช้แนวทางการร่วมมือกับผู้บริการ ที่มีข้อมูล มีระบบปฏิบัติการ(AI) ที่นำมาร่วมกันบริหารจัดการได้ดีกว่าเห็นผลทางปฏิบัติได้มากกว่าเหตุใดไม่เลือกแนวทางนี้?...คำถามสำคัญถ้าคน 3-4 แสนคน ต้องไร้อาชีพ และคนตกงานอีกหลายล้านคนที่ต้องเข้ามาพึ่งพาอาชีพนี้ถูกสกัดไว้ด้วยข้อจำกัดของกฎหมายนี้ รัฐบาลจะมีกำลังพอจ่ายเงินเยียวยาให้พวกเขาได้หรือไม่? หลายล้านครอบครัวจะอยู่อย่างไรเมื่อหนทางหารายได้ที่เหลืออยู่เพียงช่องทางเดียวถูกปิดไปเสียแล้ว ??
กระบองเพชร

ดูได้ที่นี่ รายชื่อพร้อมเบอร์ ผู้สมัคร ภูมิใจไทย สส กทม ครบทุกเขต
ดูได้ที่นี่ รายชื่อพร้อมเบอร์ ผู้สมัคร เพื่อไทย สส กทม ครบทุกเขต
ไร้เสียงปืน เปิดคลิปชายแดนบ้านหนองจาน หยุดยิงหลังลงนาม GBC จันทบุรี
เผชิญหน้า ไอซ์ เจอ รองเฮ้ง หลังเพจดังชวนรวมตัวขับไล่
วัดใจเขมร 72 ชม.ถ้าไม่นิ่ง กองทัพพร้อมโต้กลับมาตรการสูงสุด ชาวบ้านอพยพ รอสัญญาณความปลอดภัย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี