วันพฤหัสบดี ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2569
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (PFUND, REITs, IFF) จากการระบาดของ COVID-19 ทำให้เรามองว่า การลงทุนในหุ้นสามัญมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มผลประกอบการที่แย่ลงในปีนี้ นักลงทุนจึงน่าจะมองหาทางเลือกการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวน เราคิดว่ากองทุน PFund-REITs-IFF บางกองจะตอบโจทย์ในแง่นี้ เพราะหลายกองยังคงให้ผลตอบแทนในระดับที่น่าสนใจอยู่ ขณะที่หุ้นส่วนใหญ่ยังมีความเสี่ยงด้าน downside ในปีนี้ ตามปกติแล้ว PFund-REITs-IFF มักจะโดดเด่นในแง่ของ i) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูง (เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล และเงินฝากธนาคาร) ii) ราคาหน่วยลงทุนค่อนข้างมีเสถียรภาพมากกว่าราคาหุ้น และ iii) ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)
อัตราผลตอบแทน SETPREIT สูงกว่า SET และ TGB
ในช่วงปี 2559-2562 เราพบว่าอัตราผลตอบแทนของ SETPREIT (กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs และ IFF) อยู่ที่ประมาณ 4.05-4.81% ต่อปี สูงกว่าอัตราผลตอบแทนของดัชนี SET และของพันธบัตรรัฐบาลไทย (TGB) อายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ในช่วง 1.47-3.22% ต่อปี สะท้อนว่าการลงทุนในกลุ่ม PFund-REITs-IFF ดูน่าสนใจในฐานะการลงทุนทางเลือกที่สร้างรายได้ที่ค่อนข้างมั่นคงให้กับนักลงทุน
กลุ่มสำนักงาน และอุตสาหกรรมดูแข็งแกร่งกว่ากลุ่มอื่นๆ
จากสถิติในช่วงปี 2559-2562 อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของ “กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)” อยู่ระหว่าง 5.92-7.83% ต่อปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของ “กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (PFund)” และกอง “REITs” อยู่ระหว่าง 5.04-5.67% ต่อปี และ 4.17-5.32% ต่อปี ตามลำดับ ในช่วง 1H63 พบว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของ IFF PFund และ REITs อยู่ที่ 3.21% 3.09% และ 2.66% ตามลำดับ เนื่องจาก i) ผลการดำเนินงานอ่อนแอผิดปกติในปี 2563 เพราะการระบาดของ COVID-19 และ ii) ผลการดำเนินงานครึ่งปี ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์กลุ่มธุรกิจ เราคิดว่ากลุ่มโรงแรมเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และค้าปลีกจะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดมากที่สุดขณะที่กลุ่มสำนักงานและอุตสาหกรรมจะถูกกระทบน้อยกว่า สาเหตุหลักที่ทำให้กลุ่มโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และค้าปลีกถูกกระทบหนักก็คือ กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวในประเทศและผู้บริโภคลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่กลุ่มสำนักงานและอุตสาหกรรมจะถูกกระทบน้อยกว่า เพราะลูกค้าอยู่ในภาคธุรกิจ
เราได้พิจารณาเกณฑ์การลงทุนใน PFund-REITs-IFF โดยให้น้ำหนักกับ i) กองที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงii) premium หรือ discount จาก NAV iii) ผลการดำเนินงานในอดีตและแนวโน้มในอนาคต และ iv) โอกาสที่ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้น เราจึงเลือก JASIF HREIT DIF และ CPNREIT เป็นกองเด่นที่ให้อัตราผลตอบแทนอยู่ระหว่าง 6.6-9.9% ในปี 2562 และระหว่าง 1.1-5.1% ใน 1H63 ขณะที่ผลประกอบการรายไตรมาสก็ดูแข็งแกร่งและมั่นคง โดยสรุปแล้ว เราคิดว่ากองเหล่านี้ดูน่าสนใจในสภาวะปัจจุบัน เนื่องจากอัตราผลตอบแทนน่าจะผันผวนน้อยกว่าหุ้นในปี 2563-64
ปัจจัยเสี่ยงจาก COVID-19 ระบาด เศรษฐกิจชะลอตัวลงการเมืองขาดเสถียรภาพ
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย

'ดร.ส้ม' ลั่นไม่เคยเคลมผลงานใคร ยันลุยดัน กม.คุกคามทางเพศมาตั้งแต่ปี62
มีหนาว! คุกคามทางเพศผ่านโซเชียลมีเดีย มีผลบังคับใช้แล้ววันนี้
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ ฉบับใหม่ กำหนดคุณสมบัติต้องห้าม ผู้ใหญ่บ้าน
สุริยะใส ย้อนเกล็ด เลือกตั้ง ไม่เอาลุง ครั้งนี้ ไม่เอาเทา คงได้ รัฐบาลเทวดา
แฉทุนจีนแย่งอาชีพคนไทย รุกธุรกิจเผาถ่านกะลามะพร้าว ทำผู้ประกอบการไทยเดือดร้อน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี