บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทบัตรกรุงไทย หรือ KTC หลังรักษาการเป็นผู้นำตลาดบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลได้ดี KTC ก็เตรียมตัวขยายไปสู่ธุรกิจใหม่อีกหลายธุรกิจร่วมกับธนาคารแม่ (KTB) ทั้งนี้ KTC ถือหุ้นอยู่ใน “Infinitas” ซึ่งเป็นกิจการเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญที่ทำหน้าที่บริหารจัดการฐานลูกค้าภาครัฐที่ใหญ่ที่สุดผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือ และเมื่อไม่นานนี้ได้เข้าซื้อหุ้น 75% ใน KTB Leasing ซึ่งได้รับใบอนุญาตทำธุรกิจ e-money จาก ธปท. เราคาดว่าธุรกิจใหม่เหล่านี้จะทำให้ KTC เติบโตได้แบบก้าวกระโดดในปี 2565 เมื่อดีลซื้อ KTB Leasing เสร็จเรียบร้อยในเดือนกันยายน 2564 และเริ่มธุรกิจใหม่ได้ทันทีช่วง 4Q64 ถึงต้นปี 2565 โดยมีโอกาสทางธุรกิจอีกมากจากการแปลงฐานลูกค้าของรัฐบาลมาเป็นรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อย่างเช่น ประกัน และการดูแลสุขภาพในปี 2564
TRIS Rating ปรับเพิ่มเรตติ้งเป็น AA-
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว TRIS Rating ปรับเพิ่มเรตติ้งของ KTC ขึ้นอีกหนึ่งขั้นเป็น AA- จากเดิม A+ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ได้ด้วยต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง และปรับเพิ่ม D/E สูงสุดไปที่ 10x โดยตามรายงาน TRIS Rating
ระบุว่าการปรับอันดับเครดิต สะท้อนถึงสถานะของบริษัทในฐานะที่เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารแม่ (KTB) และการรวมตัวกันมากขึ้นระหว่าง KTC กับบริษัทในเครือ KTB จากการที่ KTC มีบทบาทที่แตกต่างในฐานะที่เป็น
ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคหลักของเครือ ทั้งนี้ KTC มีหุ้นกู้ที่ต้องรีไฟแนนซ์ประมาณ 9 พันล้านบาท/1 หมื่นล้านบาท ในปี 2564/2565 (ที่มีต้นทุนที่ 2-3.5%) ซึ่งต้นทุนในการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้อายุ 3 ปีจะอยู่ที่ประมาณ 1.5% (ด้วย
เรตติ้งที่ AA-) และดึงให้ต้นทุนทางการเงินต่ำลง 0.4% ปีนี้ และ 0.3% ปีหน้า
คาดกำไรสุทธิ 1Q64F จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท
บริษัทให้ข้อมูลว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแสดงสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่องใน 1Q64F และอาจจะโตได้ถึง 10 -11% ในปีนี้ เราคาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะติดลบลดลงเหลือ -3% ใน 1Q64 (จาก -6% ใน 4Q63 และ -8% ในปี 2563) และจะโตได้ +10% ในปี 2564F ขณะที่คาดว่า credit cost จะลดลงเหลือ 620bps (จาก 670bps ใน 4Q63 และ 780bps ในปี 2563) จากสัดส่วน LLR/สินเชื่อที่ 8%
ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2565F เป็น 91 บาท
นอกจากธุรกิจใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า และ synergy ที่เกิดจากการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ KTB เราจึง re-rate P/E เหมาะสม
ใหม่เป็น 29x (จากเดิม 25x) สะท้อนถึง PEG ของกำไรปี 2565 ที่ 1.0x เราใช้สมมุติฐานอัตราการเติบโตของกำไรบนธุรกิจปัจจุบันที่ 17% ในปี 2564 และ 23% ในปี 2565 ขณะที่คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจาก KTBL จะหนุนให้กำไรโตเพิ่มอีก 5% และคาดว่ากำไรจากสินเชื่อจำนำทะเบียน “พี่เบิ้ม” จะหนุนให้กำไรโตอีก 1% ทั้งนี้เราใช้สมมุติฐานอัตราการเติบโตของสินเชื่อปี 2564/65 ที่ 6%/7%, credit cost ที่ 630bps/590bps, และสัดส่วนต้นทุน/รายได้ ที่ 32%/32%
ปัจจัยเสี่ยงจากการแข่งขันที่เข้มข้นทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้น, NPLs เพิ่มขึ้น
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี