nn หลังจากคณะกรรมการสรรหากรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ “กสทช. ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแต่งตั้งขึ้นได้ประกาศรายชื่อ 7 ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาที่สมควรได้รับคัดเลือกให้เป็น กสทช.ชุดใหม่ ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯปี 2564 (พ.ร.บ.กสทช.) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อไปในท่ามกลางกระแสวิพากษ์ไปต่างๆ นานา
โดยเฉพาะคนในวงการสื่อสารโทรคมนาคม...ที่พูดเหมือนๆ กันว่า แม้เส้นทางการสรรหา กสทช.ชุดใหม่จะเต็มไปด้วยกระแสวิพากษ์ทั้งกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาบางคนไม่ได้รับการคัดเลือก หรือผู้ได้รับเลือกเข้ามาบางคนน่าจะเป็นร่างทรงกลุ่มทุนสื่อสาร หรือกลุ่มทุนการเมือง ตัวบุคคลที่ได้รับคัดเลือกมีความใกล้ชิดกับกลุ่มทุนการเมือง แต่เส้นทางการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่จำเป็นต้องเดินหน้าเพื่อให้ที่ประชุมสมาชิกวุฒิสภาได้โหวตรับว่าที่ กสทช.ชุดใหม่เหล่านี้ เพื่อจะได้เข้ามาทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กร กสทช.ที่สมบูรณ์แบบกันเสียที
เนื่องจากเส้นทางการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่นี้ ต้องล้มลุกคลุกคลาน ถูกล้มกระดานมาแล้วถึง 3 ครั้งในระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมาจนทำให้ กสทช.ชุดปัจจุบันซึ่งหมดวาระลงไปตั้งแต่ปี 2558 ยังคงต้องอยู่ทำหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มีคำสั่ง ม.44 ระงับกระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่เอาไว้ และยังล้มกระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่มาอย่างต่อเนื่องถึง 2-3 ครั้งด้วยกัน ทำให้ กสทช.ชุดปัจจุบันต้องอยู่โยงทำหน้าที่รักษาการกันมากว่า 11-12 ปี เข้าไปแล้ว
“หากการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่มีอันต้องล้มลงไปอีกเป็นรอบที่ 4 ก็มีหวังการพัฒนากิจการวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมไทยคงได้ย่ำอยู่กับที่จมปรักอยู่กับ “สุญญากาศ”เช่นนี้ต่อไปในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและการหลอมรวมทางเทคโนโลยีสื่อสารของโลกที่ไม่รู้ก้าวหน้าไปไหนต่อไหนแล้ว”
ทั้งนี้ในปัจจุบันมีหลากหลายปัญหาด้านการจัดระเบียบกฎเกณฑ์ กติกาในการกำกับดูแลกิจการวิทยุ โทรทัศน์และโดยเฉพาะกิจการโทรคมนาคมที่รอ กสทช.ชุดใหม่เข้ามาสะสาง ไล่มาตั้งแต่การจัดระเบียบวิทยุและวิทยุชุมชนทั้งคลื่นหลัก คลื่นรองที่ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดนับพันสถานี ทำให้เราได้ยินได้ฟังสถานีวิทยุที่โฆษณาขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยาปลุกเซ็กซ์ปุ๋ยหรือสารเคมี ไม่เว้นแม่แต่เครื่องรางของขลังกันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ต่างไปจากกิจการทีวี ทีวีดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีที่ยังไม่มีการจัดระเบียบ จนมีการออกอากาศอย่างไร้ทิศทาง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของ “กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ “กองทุน USO” ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.ในอัตรา 2.5% ทำให้แต่ละปีมีรายได้กองพะเนินกว่าปีละ 35,000-40,000 ล้านบาท และถูกวิพากษ์มาโดยตลอดว่าใช้งบกันมือเติบราว“สามล้อถูกหวย” โดยปราศจากการตรวจสอบ และแม้ภารกิจหลักของกองทุนจะหมดลงไปแล้ว แต่กองทุนก็ยังคงไม่มีการปรับปรุงบทบาทหรือทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม และการใช้จ่าย
มือเติบอย่างที่เป็นอยู่....ล่าสุดมีข่าวสะพัดว่าบอร์ดกสทช.และบอร์ดกองทุน ยังคงมีนโยบายมุ่งมั่นให้คงอัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียมยูโซ่นี้ไว้ดังเดิม แบบไม่สนโลกและสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันผุดโปรเจกท์ถลุงงบกองทุน USO ราวกับว่าเศรษฐกิจไทยวันนี้มันโตวันโตคืน หรือกำลังผงาดยืนอยู่แถวหน้าของโลก...ไหนจะเรื่องของการสางปัญหากิจการ OTT ที่กำลังไหลบ่าเข้ามาฝังรากลึกให้บริการในไทยและมีคอนเทนต์ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดยปราศจากการจัดระเบียบและนับวันประเทศไทยก็ยิ่งล้าหลังตามไม่ทันโลก...หรือแม้กระทั่งเรื่องของใบอนุญาตดาวเทียมที่กำลังเป็นปมปัญหาล่าสุดนั้นก็เป็นเรื่องที่ กสทช.ชุดใหม่จะต้องเร่งเข้ามาจัดระเบียบ จะเดินหน้าออกใบอนุญาตหรือไปร่วมกันกอบกู้ดาวเทียมสื่อสารของชาติกลับมาเป็นของรัฐอย่างไร ทุกอย่างล้วนอยู่ในเงื้อมมือ กสทช.ชุดใหม่ที่กำลังระอุแดดอยู่ในวันนี้ทั้งสิ้น
ด้วยสิ่งที่รอการจัดการจัดระเบียบและปัญหาที่รอวันแก้ไขมากมายขนาดนี้ จึงจำเป็นจะต้องให้องค์กร กสทช.เข้ามาสะสางหาทางจัดระเบียบโดยเร่งด่วน....หากเส้นทางการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดประวัติศาสตร์นี้มีอันต้องล้มลงไปอีกหน ก็เห็นทีว่าการพัฒนากิจการวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคมไทย คงเคว้งคว้างอยู่กลางหุบเหวเช่นนี้ไปนับทศวรรษแน่
สำหรับ 7 ว่าที่ กสทช.ชุดใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ด้านกิจการกระจายเสียง คือ พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ2.ด้านกิจการโทรทัศน์ คือ ศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต 3.ด้านกิจการโทรคมนาคม คือ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ 4.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค คือ ศาสตราจารย์ คลินิก นพ.สรณบุญใบชัยพฤกษ์ 5.ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน คือ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ส่วนด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. นั้นประกอบด้วยด้านกฎหมาย คือ ร.ท.ดร.ธนกฤษฎ์ เอกโยคยะ และด้านเศรษฐศาสตร์คือ รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี