ในที่สุดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) และนายกเมืองพัทยา รวมทั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานครและสมาชิกสภาเมืองพัทยา ได้มาถึงโค้งสุดท้ายในวันที่22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 นี้ ใครจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ ต้องติดตามผลต่อไป สำหรับประชาชน คงหวังเพียงให้ผู้สมัครดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงไว้
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดทำการสำรวจคะแนนนิยมของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ช่วงเวลา 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ห้ามเผยแพร่ผลสำรวจเลือกตั้งการจัดทำสามารถจัดทำได้ แต่ห้ามเผยแพร่เด็ดขาด เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป จนถึงเวลาปิดการลงคะแนนเลือกตั้ง หรือเวลา 17.00 น. ของวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เพื่อป้องกันการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งหรือจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปลงคะแนนให้ผู้สมัครรับสมัครเลือกตั้งคนใดมีคะแนนนำได้ หรือทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิดความสงสารแล้วตัดสินใจลงคะแนนให้ผู้สมัครที่มีผลคะแนนสำรวจต่ำได้
หน้าที่สำคัญของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญ 3 ประการ คือ (1) ด้านบริหาร คือการควบคุมและดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้ง ทั้งการเลือกตั้งระดับชาติระดับท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติ (2) ตุลาการ คือ การสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยชี้ขาดสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ นับคะแนนใหม่รวมทั้งการสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัครและสมาชิกสภา ที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และ (3) นิติบัญญัติ คือ การออกกฎระเบียบ คำสั่งข้อกำหนดที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายสุรพล เกียรติไชยากร ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย โดยให้ใบส้ม หรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปี
หลังพิจารณาสำนวนสืบสวนที่คณะกรรมการสืบสวน สำนักงานกกต.เชียงใหม่ พบว่า พฤติการณ์ของนายสุรพลเข้าข่ายกระทำความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 (2) บัญญัติว่า ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใด เนื่องจากนายสุรพล ถวายซองทำบุญให้แก่พระครูถาวรวรคุณ จำนวน 2,000 บาท
มติดังกล่าวมีผลให้กกต. สั่งจัดเลือกตั้งใหม่ในเขตเลือกตั้งที่ 8 จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สมัครชุดเดิมสามารถ
ลงแข่งขันได้ ยกเว้นนายสุรพล การเลือกตั้งซ่อมผู้ที่ชนะการเลือกตั้ง คือ นางศรีนวล บุญลือ จากพรรคอนาคตใหม่
เมื่อกกต.สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนายสุรพลและสั่งเลือกตั้งใหม่ และได้ดำเนินการต่อนายสุรพลตามมาตรา 138 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 คือ ร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และให้ชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้ง
ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2561 ได้กำหนดให้ผู้ที่มีอำนาจในการพิจารณาตรวจสอบความโปร่งใสในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งอำนาจในการลงโทษ คือ กกต. และศาล
จนเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีคำพิพากษายกคำร้องกรณีกกต.ให้ใบส้ม
หรือเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว 1 ปีเนื่องจากศาลมีความเห็นว่า เงิน 2,000 บาท เป็นค่าเทียนสะเดาะเคราะห์ และในวันที่ไปทำบุญ นายสุรพลไม่ได้พูดหาเสียงเพียงแค่ทักทายกับประชาชน ทั้งไม่ได้ฝากเนื้อฝากตัวกับชาวบ้าน จึงยังไม่เพียงพอให้รับฟังได้ว่า เป็นการบริจาคเงินทำบุญให้กับวัด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง และเมื่อฟังว่าไม่ได้กระทำผิดจึงไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าใช้จ่ายสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 ตามคำร้อง พิพากษาให้ยกคำร้อง
นายสุรพลใช้เวลาในการต่อสู้คดีเป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน 5 วัน คดีนี้เป็นคดีแรกที่สส.ฟ้องกกต.ได้รับชัยชนะ ต่อมานายสุรพล ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอคืนสิทธิการเป็น สส. แต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง โดยระบุว่า เป็นการใช้อำนาจของ กกต.ตามรัฐธรรมนูญ หาก นายสุรพล เห็นว่า สำนักงานกกต.จังหวัดเชียงใหม่และกกต. กระทำละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของนายสุรพลตามที่กล่าวอ้างอาจใช้สิทธิเยียวยาทางศาลอื่นได้
นายสุรพล จึงยื่นฟ้องต่อศาล เรียกร้องค่าเสียหายจาก กกต. และเมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565 ศาลจังหวัดฮอด ได้พิพากษาคดีแพ่งหมายเลขดำที่พ.164/2562 และคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ พ. 23/2565 ให้นายสุรพลชนะคดี และสั่งให้ กกต.จ่ายค่าเสียหายและเยียวยา จาก กกต.ที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติในฐานะ สส.8 สมัย รวมกว่า 64.1 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งสิ้นกว่า 70 ล้านบาท ทั้งนี้ กกต.สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ ภายเวลา 1 เดือน
ปัญหาจึงมีว่าใครจะเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายให้นายสุรพล? ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น หน่วยงานของรัฐจะรับภาระชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ได้รับความเสียหายไปก่อน
ดังนั้น สำนักงาน กกต. จึงต้องชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย ให้แก่นายสุรพล ส่วนจะไล่เบี้ยเพื่อเรียกร้องเงินคืนจากคณะกรรมการกกต. ได้หรือไม่ ต้องพิจารณาว่า การละเมิดนั้นได้เกิดขึ้นจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง 7 คน หรือไม่ หากใช่คณะกรรมการเลือกตั้งต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวน 70 ล้านกว่าบาท เป็นการส่วนตัว
การเลือกตั้งในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องทำงานด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมากขึ้น อย่าให้เกิดปัญหาเหมือนช่วงในอดีต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี