เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2565 หลังจากฝ่ายค้านใช้เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยรัฐมนตรีรวม 11 คน เป็นเวลา 4 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 19-22 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
ผลเป็นดังที่ทราบกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อไปได้ พร้อมกับรัฐมนตรีทั้ง 10 คน
เมื่อเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลคราใด นักการเมืองหลายคนอาจหมิ่นเหม่กับการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งเป็นความผิดอาญามีทั้งโทษปรับและจำคุก
สาเหตุเป็นเพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องมีการพูด ให้ข้อมูลสนับสนุนในสิ่งที่พูด สำหรับข้อมูลที่นำมาใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจเป็นข้อมูลที่นักการเมืองเสาะแสวงหามาเอง หรือมีแหล่งข่าวให้ข้อมูล ส่วนมากข้อมูลมักจะพาดพิงถึงบุคคลอื่น ยิ่งหากข้อมูลมาจากแหล่งข่าวที่นักการเมืองไม่ได้วิเคราะห์กลั่นกรอง ก่อนแสดงความเห็น โอกาสที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ยิ่งเป็นไปได้มาก
นอกจากนี้ นักการเมืองบางคนชื่นชอบการพูดหน้าเวที ยิ่งพูดยิ่งสนุกเมื่อได้พูด วิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็น กลอนพาไปหรือติดลมบน เอามันเข้าว่า ทำให้พูดเลยเถิดเกินความเป็นจริงไปบ้าง เพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกประทับใจ แต่หารู้ไม่ว่าได้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยไม่รู้ตัว
ความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาทบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
“ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชังผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ”
หลักสำคัญของการหมิ่นประมาท คือ การใส่ความต่อบุคคลที่สาม โดยการพูด การเขียนข้อความ การวาดภาพล้อเลียน การแสดงความคิดเห็น ยิ่งในโลกโซเชียลทุกวันนี้ ผู้คนมักเลือกที่จะให้ความเห็นผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ที่อาจทำให้ผู้ถูกใส่ความ เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง
บางครั้ง การกระทำที่เข้าข่ายว่าเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท อาจไม่เป็นความผิด หากพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 “ผู้ใดแสดงความคิดเห็น หรือข้อความใดโดยสุจริต
(1) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามครองธรรม
(2) ในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(3) ติชมด้วยความเป็นธรรม ซึ่งบุคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ
(4) ในการแจ้งข่าวด้วยความเป็นธรรมเรื่องการดำเนินการอันเปิดเผยในศาลหรือในการประชุม ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท”
โดยทั่วไปผู้ที่แสดงความคิดเห็น มักจะอ้างเหตุว่า ติชมด้วยความเป็นธรรม เพื่อเป็นข้อต่อสู้ว่าไม่ได้กระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท นอกจากนี้ ผู้ที่แสดงความคิดเห็น มักจะอ้างว่า สิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งประเด็นนี้ ต้องพิจารณา
มาตรา 330 “ในกรณีหมิ่นประมาท ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด พิสูจน์ได้ว่า ข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้น เป็นความจริงผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ
แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์ ถ้าข้อที่หาว่าเป็นหมิ่นประมาทนั้นเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัว และการพิสูจน์จะไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน”
ดังนั้นการกล่าวถึง หรือวิพากษ์วิจารณ์บุคคลใด จึงต้องพิจารณาถึงสถานะของบุคคลนั้น เป็นสำคัญ หากบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องความประพฤติปฏิบัติ เป็นนักการเมือง ที่ถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ ย่อมต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ และผู้ที่กล่าววิพากษ์วิจารณ์ มีสิทธิที่จะพิสูจน์ความจริงว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่ หากเป็นความจริงผู้ที่กล่าววิพากษ์วิจารณ์ ไม่เป็นผู้ที่กระทำความผิด
แต่หากได้กล่าวถึงบุคคลอื่น ในเรื่องส่วนตัว แม้เป็นความจริง จะไม่ได้รับการยกเว้น จากกฎหมายในประเด็นนี้เช่น กล่าวถึงหญิงสาว ที่ไม่ได้สมรสว่ามีครรภ์โดยไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อของเด็ก แม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว และไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะผู้ที่กล่าวพาดพิงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
แม้โทษตามกฎหมาย ในความผิด ฐานหมิ่นประมาทดูเหมือนค่อนข้างหนัก มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ แต่ในกรณีกระทำผิดเป็นครั้งแรก หากผู้กระทำความผิดยอมรับสารภาพส่วนใหญ่ จะได้รับความเมตตาปรานีจากศาล ได้รับการรอลงอาญา หรือรอการลงโทษ หมายถึง ไม่ได้รับโทษจำคุก แต่ต้องทัณฑ์บนว่า หากได้กระทำความผิดอาญาอื่นซ้ำอีก ภายในระยะเวลาที่กำหนด จะได้รับโทษเก่าและโทษใหม่ รวมเข้าด้วยกัน
นักการเมืองต่างทราบเรื่องนี้ดี เมื่อถูกฟ้อง คดีอาญาในข้อหา หมิ่นประมาท ในคดีที่สอง หรือคดีที่สามเป็นต้นไป จะได้เห็นนักการเมืองที่ตกเป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาท จะพยายามติดต่อผู้เสียหายเพื่อขอโทษ และขอร้องให้ถอนฟ้อง เนื่องจากความผิดหมิ่นประมาทเป็นความผิดยอมความได้
ในการอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นในรัฐสภา สมาชิกรัฐสภาทั้งผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ถือว่าไม่มีความผิดอาญาฐาน
หมิ่นประมาท แต่ในกรณีที่มีการถ่ายทอดเสียงและภาพการประชุมผ่านทางวิทยุและโทรทัศน์ เมื่อกล่าวพาดพิงถึงผู้อื่น จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ในเรื่องหมิ่นประมาทที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่
นักการเมืองกับการพูดและการอภิปรายเป็นของคู่กัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับโทษฐานหมิ่นประมาทนักการเมืองจึงควรตระหนักและระมัดระวังตลอดเวลา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี