โศกนาฏกรรมซ้ำรอยซานติก้าผับได้เกิดขึ้นอีกแล้วที่เมาน์เท่น บี ผับ ริมถนนสาย สุขุมวิทบางนา-ตราดม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อเวลา 01.00 น.ของคืนวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2565 มีผู้เสียชีวิต 16 รายบาดเจ็บมากกว่า 40 ราย
ในส่วนของผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตบางรายที่มีอายุระหว่าง 17-19 ปี ซึ่งตามกฎในการควบคุมสถานบันเทิงตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 กำหนดอายุผู้ใช้บริการจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
กรณีไฟไหม้ซานติก้าผับ ย่านเอกมัย เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 เข้าสู่ศักราชใหม่ พ.ศ. 2552เพลิงลุกไหม้บริเวณชั้นสอง ทำให้โครงสร้างถล่มลงมา ภายในผับมีวัตถุไวไฟหลายอย่าง ผู้คนต่างหนีออกมาประตูด้านหน้า ขนาดเพียง 2.5 เมตร เพราะไม่ทราบว่ามีทางออกอื่น มีผู้เสียชีวิต 67 ราย ส่วนมากล้มทับกันบริเวณตรงหน้าประตู มีบาดเจ็บสาหัส 45 คน บาดเจ็บอีก 72 คน
ซานติก้าผับ ไม่มีแผนผังอาคารติดตั้งแสดงไว้ ไม่มีป้ายบอกเส้นทางหนีไฟ ไม่ติดตั้งไฟฉุกเฉินให้มีพอส่องสว่างประตูหนีไฟมีเพียง 2 ทาง มีการติดเหล็กดัด อาคารมีพื้นที่สามารถจุคนได้ไม่เกิน 500 คน แต่ขณะเกิดเหตุกลับมีนักเที่ยวมากกว่า 1,000 คน
พนักงานอัยการและผู้เสียหายรวม 57 คน เป็นโจทก์ฟ้องเสี่ยขาว หรือ นายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ เจ้าของซานติก้าผับกับพวกทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งเพื่อ เรียกค่าเสียหาย ต่อมาศาลฎีกา ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกเสี่ยขาว และนายบุญชูเหล่าสีนาท กรรมการผู้จัดการบริษัทที่ติดตั้งเอฟเฟกต์ ในข้อหาประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นเวลา 3 ปี และให้ร่วมชดใช้เงินแก่ญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บสาหัสเป็นเงินจำนวน 5,120,000 บาท
ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า เสี่ยขาวได้กลายเป็นบุคคลล้มละลาย ญาติผู้ตายและบรรดาผู้เสียหาย ได้รับเงินชดใช้เพียงเล็กน้อยแค่หลักหมื่น จนถึงหลักแสนต้นๆ ผู้รอดชีวิตที่บาดเจ็บและพิการบางคนไม่ยอมรับเงินเพราะเห็นว่า เงินที่ชดใช้น้อยเกินไปจนไม่เห็นคุณค่าความเป็นคน
ค่าเสียหายที่ได้รับไม่สามารถชดเชยความสูญเสียที่แท้จริงได้ ทำให้ผู้ฟ้องคดีจำนวน 12 คน ซึ่งเป็นญาติผู้เสียชีวิตได้ฟ้องกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้อง) เนื่องจากไม่ควบคุมดูแลอาคารที่เปิดเป็นสถานบริการไม่ตรวจสอบสภาพ โครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ต่อมาปีพ.ศ. 2559 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครชำระค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ยให้ผู้ฟ้องทั้ง 12 คนรวมเป็นเงิน 5,794,250.92 บาท
กรณีไฟไหม้เมาน์เท่น บี ที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียวบนพื้นที่กว่า 3 ไร่ ขณะเกิดเหตุมีประตูหน้าออกได้ทางเดียวส่วนประตูด้านหลัง เมื่อนักดนตรีเข้ามาครบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะล็อกกุญแจ เพื่อไม่ให้ลูกค้าดื่มแล้วหนีภายในผับบุด้วยโฟมป้องกันเสียง ที่เป็นเชื้อไฟได้ง่าย และเพดานค่อนข้างต่ำ
มีการสันนิษฐานถึงสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้ คือ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะสายไฟที่ใช้ไม่รองรับต่อกำลังไฟที่ใช้ ทำให้เกิดประกายไฟ ไปติดกับฉนวนโฟมซับเสียง ซึ่งเป็นวัตถุติดไฟได้ง่าย จนเกิดลุกลามไปทั่วตัวอาคารอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำหลังคายังตบแต่งด้วยยางล้อรถยนต์ เหมือนเอาน้ำมันไปราดกองเพลิง
ตามกฎกระทรวงได้กำหนดประเภทและระบบความปลอดภัยของอาคารที่ใช้เพื่อประกอบกิจการเป็นสถานบริการกำหนดให้สถานบริการจะต้องมีเส้นทางหนีไฟที่ชัดเจน โดยจะต้องออกแบบเพื่อให้สามารถอพยพคนได้หากเกิดกรณีฉุกเฉิน อุปกรณ์ก่อสร้างต้องใช้วัสดุทนไฟ ความจุคนจะต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด รวมไปถึงการจัดทำประตูทางเข้า เช่น ไม่เกิน 50 คน ต้องมีทางเข้า ออก 1 แห่งตั้งแต่ 401-700 คน ต้องมีทางเข้าออก 4 แห่ง
เป็นเรื่องตลกร้ายที่เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบบางคนบอกว่าไม่รู้ว่า เมาน์เท่น บี คือ สถานบันเทิง แต่มีนักสืบโซเชียลได้ทำหน้าที่และพบว่า วันเปิดเมาน์เท่น บี มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนได้มาแสดงความยินดีด้วย คงเป็นเพราะเจ้าของเป็นลูกของผู้กว้างขวางในจังหวัดระยอง
ขณะนี้มีคำสั่งเด้ง 5 เสือ สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวงสังเวยตามผู้เสียชีวิตเมาน์เท่น บี เพื่อความสะดวกในการสอบสวน รวมถึงนายอำเภอสัตหีบ โดยมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ที่วิทยาลัยการปกครอง เป็นการประจำ ตั้งแต่วันที่5 สิงหาคม พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
หากพิจารณากรณีไฟไหม้เมาน์เท่น บี พบว่า มีการกระทำผิดหลายข้อด้วยกัน สถานที่ ตั้งอยู่ในพื้นที่โซนนิ่งที่ไม่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง ใบอนุญาตประกอบการมีการขอเป็นกิจการร้านอาหาร และจำหน่ายสุรา แต่กลับดัดแปลงเป็นสถานบริการ การต่อเติมอาคารผิดกฎระเบียบ ไม่มีช่องทางหนีไฟที่ถูกต้อง ทางหนีไฟปิดล็อกด้วยกุญแจ
การดำเนินคดีเฉพาะเจ้าของเมาน์เท่น บี เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เพราะถึงเวลาอาจเป็นไปได้ว่า ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอต่อการชำระหนี้ จนมีหนี้สินล้นพ้นตัวและเป็นบุคคลล้มละลายในที่สุด เช่นเดียวกับ เสี่ยขาว เจ้าของซานติก้าผับ
เจ้าของเมาน์เท่น บี มีอายุเพียง 27 ปี ไม่น่าจะมีความสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้ทั้งหมด แม้ว่าบิดาเป็นผู้กว้างขวางและมีธุรกิจหลายประเภทในพื้นที่นั้น แต่ถือว่าเป็นคนละคนกัน อีกทั้ง เจ้าของเมาน์เท่น บี ไม่ใช่เด็กหรือเยาวชนที่กระทำความผิด บิดาจึงไม่ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย
ทางออกเรื่องนี้ คือ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือบกพร่องร้ายแรง ปล่อยปละละเลย สมยอม รู้เห็นเป็นใจ ไม่ตรวจสอบอาคาร ไม่ตรวจสอบใบอนุญาต ไม่ควบคุมอายุผู้ใช้บริการ จนร้านเปิดได้แบบปกติ บุคคลผู้มาใช้บริการย่อมเข้าใจได้ว่า น่าจะเปิดถูกต้องตามกฎหมายมิฉะนั้น คงจะไม่ตั้งตระหง่านทำธุรกิจโดยเปิดเผยได้ขนาดนั้นดังนั้น จึงควรฟ้องเจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐอีก เพื่อเรียกค่าเสียหาย เพราะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้ และมีเงินชดใช้ค่าเสียหาย
หากกรณีไฟไหม้เมาน์เท่น บี ญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บฟ้องเรียกค่าเสียหายจากเจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐผลสุดท้ายจะเป็นเหมือน อย่างกรณีไฟไหม้ซานติก้าผับที่จะได้รับเงินค่าเสียหายในที่สุด แม้ว่าอาจจะไม่เท่ากับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
หากเจ้าหน้าที่ของรัฐ และหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งด้วยความเข้มงวดและเคร่งครัด คงจะไม่เกิดกรณีอย่าง ซานติก้าผับและเมาน์เท่น บี อีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี