วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท บีซีพีจี หรือ BCPG ธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นหนึ่งขับเคลื่อนการเติบโตหลักของกลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ B CP นอกจากธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ และโรงกลั่น โดย BCP คาดว่าในปี 2573 EBITDA ธุรกิจโรงไฟฟ้าจะคิดเป็น 10% ของ EBITDA รวม (ลดลงจาก 14% ใน 9M65) แม้ว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าของ BCPG จะเป็นหนึ่งในสามธุรกิจหลักของ BCP ที่ตั้งงบลงทุน (CAPEX) ไว้สูงที่สุดในช่วงปี 2566-2573 คิดเป็น 37% ของงบลงทุนรวม (หรือ 7.4 หมื่นล้านบาท) เราคิดว่าเป็นเพราะ adder ของโรงไฟฟ้า solar หลายโครงการในประเทศไทย ทยอยหมดอายุลงโดยที่ยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ใน pipeline ที่จะเข้ามาช่วยชดเชยในตอนนี้
BCPG มั่นใจกับการเติบโตแบบ inorganic ใน 4Q65-1H66 โดยตั้งเป้าว่าในปี 2573 จะเพิ่มปริมาณผลิตไฟฟ้าเป็น 6,800GWh (จาก 1,100GWh ในปี 2566F) ขณะที่ 20-25% ของ EBITDA ในปี 2573 จะมาจากธุรกิจประเภท peripheral และ frontier (สายโซ่อุปทานแบตเตอรี่ และไฮโดรเจน) จากปัจจุบันที่มาจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (RE) เต็ม 100% หมายความว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป ตลาดที่บริษัทมุ่งเน้นได้แก่ประเทศไทย (พลังงานหมุนเวียน 5.2GWh renewable), เวียดนาม (โรงไฟฟ้าพลังงานลม + solar + น้ำ โดยจะพึ่งพาสายส่งไฟฟ้า) และไต้หวัน (โรงไฟฟ้าพลังงาน solar + ลม + แบตเตอรี่) ทั้งนี้ BCPG มีสภาพคล่องเต็มมือ และยังจะกู้เพิ่มได้เองอีกถึง 8 หมื่นล้านบาทหลังจากการเพิ่มทุนรอบที่เพิ่งผ่านมาและมีการขายโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพออกไป
เราคาดว่ากำไรหลักจะลดลงในปี 2566-2567F เพราะไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากความร้อนใต้พิภพ, adder หลายโครงการหมดอายุลงต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น โดยปี 2566 adder โครงการ BSE-BNN (16MWe) และ BSE-BPH (16MWe) จะหมดอายุในเดือนมีนาคมและเมษายน 2566 ตามลำดับ ส่วน Solar farm ไต้หวันจะทยอยส่งกำไร BCPG ตั้งแต่ปี 2566 ก่อนที่จะมีกำไรชัดเจนขึ้นในปี 2568 ทั้งนี้แม้ BCPG จะลดงบลงทุน (capex) ปี 2565 เหลือ 1.4 หมื่นล้านบาท (จากเดิมที่ 2 หมื่นล้านบาท) แต่บริษัทคาดว่าจะประกาศดีลใหม่ที่จะเข้าซื้อโครงการที่เกี่ยวข้องกับ platform ของธุรกิจไฮโดรเจนได้ใน 4Q65 และอาจจะขยายธุรกิจแบบ inorganic ได้อีกใน 1H66 เพื่ออุด adder หลายโครงการหมดอายุลง ขณะที่ได้อานิสงส์จากการขึ้นค่า Ft ด้วย BCPG คาดว่า EBITDA จะโต >20% YoY โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท แต่เราคาดว่า EBITDA ปกติ(ไม่รวมกำไรจากการขาย geothermal) และ EBITDA จะลดลง 4% YoY และ 31% YoY
เรายังคงคำแนะนำถือ BCPG ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 10.40 บาท ถึงแม้ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะดีดตัวขึ้นแบบยกแผง แต่เรายังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นเฉพาะตัวของ BCPG และยังไม่เห็นแววว่าจะมีการ re-rate หุ้น BCPG ในตอนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทกำลังมองหาการเติบโตใหม่ๆ และกำลังได้รับผลกระทบจากแนวโน้มกำไรขาลง เราคิดว่ามีเพียงโครงการใหม่ๆ ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งให้ผลตอบแทนน่าสนใจเท่านั้นที่อาจทำให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำได้ในอนาคต
ปัจจัยเสี่ยงจากการปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns,ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)

ฮ่องกงรวบ13ราย ผู้ต้องสงสัยเหตุไฟไหม้ตึกสังเวย 151 ศพ
ทำงาน ทำงาน ทำงาน คำพูดเด็ดของนายกฯญี่ปุ่น ผงาดคว้ารางวัลวลีแห่งปี2025
'ครม.'รับทราบปี68 ประชาชนร้องทุกข์รวมทั้งสิ้น 134,999 ครั้ง 63,541 เรื่อง ได้ข้อยุติ 55,940 เรื่อง
ตม.อุบลฯจับตามหมายจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหายักยอกทรัพย์
หนุ่มลูกครึ่งมาเลย์วัย17 ซึมเศร้าโดดโรงแรม รอดปาฏิหาริย์ค้างอยู่ชั้น3

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี