บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO จากการที่คณะกรรมการ ESSO อนุมัติจ่ายเงินปันผลงวด 2H65 ที่ 0.30 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 2 พฤษภาคม ต่ำกว่าประมาณการเราถึง 54% น่าจะเป็นเพราะบริษัทอยากจะเสริมความแข็งแกร่งของงบดุลท่ามกลางความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกจะถดถอยเมื่อรวมกับเงินปันผลงวด 1H65 ที่ 0.50 บาท/หุ้น เงินปันผลเต็มปีในปีที่แล้วจะอยู่ที่ 0.80 บาท/หุ้นคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล (payout ratio) ที่29% สำหรับงวดปี 2565 ซึ่งต่ำกว่าที่ 47% ในปี 2560 และ 2561

ขณะที่ไม่ได้จ่ายเงินปันผลงวดปี 2562-2564 ถึงแม้ว่าเงินปันผลในงวด 2H65 จะต่ำกว่าที่เราคาดไว้ แต่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มปีอยู่ในเกณฑ์ดีที่ 6.3% เมื่อคิดจากราคาปิดล่าสุด (รวมเงินปันผลงวด 1H65 ที่ 0.50 บาท/หุ้น) เราปรับลดสมมุติฐาน payout ratio จาก 45% เหลือ 30% ทำให้ประมาณการเงินปันผลปี 2566F อยู่ที่ 0.57 บาท/หุ้น ปี 2567F อยู่ที่ 0.51 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มปีที่ 6.3% และ 5.6% จากราคาหุ้นปัจจุบันตามลำดับ

Bangchak Corporation (BCP) จะซื้อหุ้น 2,283.75 ล้านหุ้น หรือ 65.99% ใน ESSO (Thailand)จาก ExxonMobil Asia Holdings (ผู้ขาย) BCP มีกำหนดประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี (AGM) วันที่ 11 เมษายน เพื่อขออนุมัติการเข้าทำธุรกรรมนี้ ซึ่งผู้บริหารยืนยันว่าการเข้าซื้อหุ้นใหญ่ใน ESSO น่าจะเสร็จเรียบร้อยภายใน 2H66

เรายังคงคำแนะนำซื้อ ESSO โดยคงราคาเป้าหมายปี 2566 ไว้ที่ 11.40 บาท ถึงแม้ว่าจะมีประเด็นที่กดดันราคาหุ้น ESSO ไปจนถึง 2H66 แต่เรามองว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.3% ในปี 2566F และ 5.6% ในปี 2567F ยังน่าสนใจ และจะ จำกัดความเสี่ยงด้าน downside ของราคาหุ้นหลังจาก BCP ให้ราคาซื้อเบื้องต้นในช่วง 8.84-9.63 บาท/หุ้น ขณะที่ผู้บริหาร BCP ยังไม่สามารถคำนวณราคาซื้อสมมุติล่าสุดที่อิงจากงบการเงินงวด 4Q65 ของ ESSO ได้เพราะยังขาดข้อมูลจาก ESSO การที่จะ delist หุ้น ESSO ออกจาก SET นั้น BCP ต้องซื้อหุ้นให้ได้ 85% ของหุ้นทั้งหมด แต่เราเชื่อว่าจะไม่สามารถซื้อหุ้นได้ครบตามเกณฑ์ดังกล่าว จากการเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นส่วนน้อย ที่ถือหุ้น 34.01% ในราคาเดียวกับที่เสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ ESSO

ปัจจัยเสี่ยงความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และค่าการตลาดน้ำมัน

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)