“ยอดขายยังเติบโตต่อเนื่อง”

  บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทนีโอ คอร์ปอเรทหรือ NEOจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดผู้บริหารNEO ได้ปรับลดเป้าการเติบโตยอดขายปี 2568F-2571F ลงเหลือระดับเลขหลักเดียว(จากเดิมที่เคยคาดจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก)ผลจากสภาวะเศรษฐกิจไม่เป็นใจใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ว่าจะเติบโตราว 5-6% ในปี 2568F-2569F แต่ ผู้บริหารยังคงคาดว่ายอดขาย 4Q68F จะเติบโตเป็นเลขสองหลัก หนุนจากการแนะนำสินค้าใหม่เชิงรุกช่วง 2Q68-3Q68, ปัจจัยฤดูกาลที่ดี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐล่าสุด  ยอดขายในประเทศช่วง ตุลาคม 2568 เพิ่ม 6-7% YoY บวกกับยอดขายส่งออกก็ปรับตัวดีขึ้น  NEO ยังคงเน้นการพัฒนาและแนะนำสินค้าใหม่ ๆ เพื่อดันยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดด้วย ตามข้อมูลจาก Nielsen ระบุว่าการเติบโตของยอดขายช่วง 9M68 ของ NEO ทำได้ดีกว่าตลาดโดยรวม 

  ปัจจุบัน NEO ยังคง guidance GPM ปี 2568F-2569F ที่ 38-40% (GPM ใน 9M68 ที่ 39.2%) แม้ว่าราคา CPKO ในตุลาคม 2568 จะลดลงเล็กน้อย  แต่ปัจจุบันเราคาดว่าราคา CPKO จะทรงตัวใกล้เคียงกับระดับปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปีนี้และเป็นไปได้ยากที่ราคาปี 2569F จะลดลงจากอุปสงค์ไบโอดีเซล (biodiesel demand) ที่จะเพิ่มอีก หากราคา CPKO ยังคงอยู่สูงเป็นนัยว่าสมมติฐาน GPM เดิมของเราที่ 39.0% ในปี 2568F และ 39.7% ในปี 2569F อาจดูสูงเกินไป

  จากราคาน้ำมันเมล็ดใน (kernel oil) ยังคงสูง เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2568F/2569F ลง ราว 6%/16% บนสมมติฐานที่: i) ปรับลด GPM ลงที่ 38.7%/38.7% (จาก 39.0%/39.7%) และ ii) ปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A/sales ปี 2569F ขึ้นเป็น 31.6% (จาก 31.4%) ดังนั้น ประมาณการกำไรสุทธิใหม่ปี 2568F ของเราจะลดลงอยู่ที่ 493 ล้านบาท (-51% YoY) แต่จะดีดตัวขึ้นที่ 622 ล้านบาท (+26% YoY) ในปี 2569F ตามรายได้ที่เติบโตดีและสัดส่วน SG&A/sales ลดลง

  เมื่ออิงตามกำไรใหม่ของเรามีผลให้ราคาเป้าหมายสิ้น 1H69F ของเราลดลงมาที่ 18.50 บาท  จากเดิม 22.00 บาท  เราคงคำแนะนำ “ถือ” NEO โดยคาดว่ากำไร 4Q68F ของ NEO จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ จากรายได้ที่เติบโตดีและค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงแต่กำไรจะลดลง YoY จาก GPM ที่ต่ำลงเป็นหลัก
  ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การแข่งขันสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงความชอบของลูกค้า
ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)