ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมนั้นแบ่งผู้คนในสังคมเป็น 3 ระดับ ได้แก่ 1)ชั้นชั้นบน 2)ชั้นชนกลาง และ 3)ชนชั้นล่าง เป็นการแบ่งตามการครอบครองทรัพยสินหรือรายได้ คนทุกคนจึงพยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้าเพื่อเลื่อนระดับชั้น โดยไม่มีใครคิดกันมากนักว่าตนอยู่ในชนชั้นไหน จึงกลายเป็นว่าสังคมไทยมีอยู่ชนชั้นเดียวคือ “ชนชั้นอยากรวย”
เรื่องชนชั้นนั้นต้องยกให้ลัทธิมาร์กหรือลัทธิคอมมิวนิสต์ เพราะเป็นเจ้าตำรับของเรื่องชนชั้นและได้รับการพูดถึงและนำไปปฏิบัติ(ปฏิวัติชนชั้น)ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย
ลัทธิมาร์กแบ่งคนในสังคมออกเป็น 2 ชนชั้น คือ 1)ชนชั้นนายทุน หรือชนชั้นผู้กดขี่ขูดรีด กับ 2)ชนชั้นแรงงาน หรือชนชั้นที่ถูกกดขี่ขูดรีด (โดยนายทุน)
ทั้ง 2 ชนชั้นนี้เป็นศัตรูกันตามทฤษฎีของลัทธิมาร์ก ส่วนลัทธิมาร์กก็อ้างว่าเป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติในระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เพราะมันเกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม
วิธีที่จะสร้างความเป็นธรรมก็คือ ชนชั้นผู้ถูกกดขี่ขูดรีดลุกขึ้นสู้กับชนชั้นนายทุน แล้วยึดเอาปัจจัยการผลิต (ที่ดิน โรงงาน ผลผลิต และกำไร ฯ) มาเป็นของชนชั้นตน ส่วนชนชั้นนายทุนก็ต้องกำจัดทิ้งไป หรือให้เป็นกรรมการแบบเดียวกับชนชั้นแรงงาน
แม้ว่าในศตวรรษที่แล้วโลกจะพิสูจน์แล้วว่าลัทธิมาร์กล้มเหลว ทำให้ผู้คนเข่นฆ่าทำลายล้างกันจนล้มหายตายจากไปนับร้อยล้านคน แต่ในประเทศไทยก็ยังมีคนดึงดันจำนำลัทธินี้มาใช้ให้ได้
เช่น กลุ่มคนพยายามที่จะขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคคคอมมิวนิสต์ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งไม่อนุมัติ
นอกนั้นก็แฝงตัวอยู่ตามพรรคต่างๆ
ส่วนในพรรคอนาคตใหม่นั้นมีมากหน่อย หัวหน้าพรรคนั้นแม้จะคิดแบบลัทธิมาร์ก แต่ครอบครัวของตนเป็นนายทุนระดับหมื่นล้าน จึงลดระดับลงมาเป็นแค่ลิเบอรัล เพราะมันผิดหลักการของลัทธิมาร์ก
พรรคอนาคตใหม่นี่แหละที่แพร่ “เชื้อชนชั้น” เข้าสู่สังคมวัยรุ่นและวัยอื่นๆที่เพิ่งจะสนใจการเมือง จึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ดูได้จากคะแนนเสียงเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคนี้
ในจำนวนคนที่นิยมพรรคอนาคตใหม่นั้นมีทั้งเข้าใจเจตนาของพวกแกนนำทั้ง 3 คนก็มี ไม่เข้าใจก็มี เข้าใจอย่างงูๆปลาๆเพราะมันถูกจริตตนก็มี
“เสี่ยแว่น ซีวิค” (ผมเรียกอย่างในโลกออนไลน์) นั้นเป็นตัวอย่างที่ดี (ในความหมายว่าเลว) ที่เข้าใจเจตนาของพวกแกนนำทั้ง 3 แบบงูๆปลาๆ เพียงเพราะมันถูกจริตตน
เขาหมักหมมความคิดเกลียดชังต่อต้านสังคมไว้จนพร้อมจะระเบิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีปัญหากระทบกระทั่งแม้เพียงเล็กน้อยจึงระเบิดอารมณ์อย่างไร้สติ
“ความคิดที่เกลียดชังหมักหมม” ไว้นั้นคืออะไร?
1) เกลียดชังผู้คนในสังคม เพราะมองไปทางไหนก็ไม่ถูกใจตน เขาจึงดูถูกเหยียดหยามคนทั้งประเทศ ทั้งที่รู้จักไม่กี่คน
2) เกลียดชังเจ้า แล้วก็พาลเกลียดชังคนที่รักเจ้า
3) เกลียดชังนายกรัฐมนตรี
4) เกลียดชังคนจน เพราะเขาคิดว่าตนรวยกว่า มีรถเก๋งป่ายแดงขับ และมีเงินฝากเป็นล้าน
5) เกลียดชังประเทศชาติของตน
คนที่เขาเกลียดชังนั้นเขามองว่า “ต่ำ” กว่าเขา จึงประณามว่าเป็น “คนชั้นต่ำ!”
ส่วน “ชนชั้นสูง” ก็คือเขาและคนที่คิดอย่างเขา!
เมื่อเขาประกาศอย่างนี้ผมก็สรุปเล่นๆว่าได้มี “ชนชั้นใหม่” เกิดขึ้นในสังคมไทยแล้ว!
แม้เขาจะได้รับอิทธิพลทางความคิดเรื่องชนชั้นมาจาก 3 แกนนำของพรรคอนาคตใหม่ หรือที่อื่นใดก็ตาม แต่เขาก็ไม่ได้แบ่งชนชั้นตามฐานะในด้านเศรษฐกิจ แต่แบ่งในด้าน “ระดับของสมบัติจิต”
คือ จิตของคนในสังคมนี้มีอยู่ 2 ระดับ ได้แก่ 1)ระดับชนชั้นต่ำ กับ 2)ระดับชนชั้นสูง
แต่เมื่อเรามองย้อนกลับไปที่พฤติกรรมของเขา และแบ่งชนชั้นตามที่เขาแบ่ง เราก็จะเห็นได้ว่าเขาอยู่ในชนชั้นไหน.
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี