เชื่อไหมว่าเมื่อไม่นานมานี้ ประเทศที่เปี่ยมไปด้วยเสรีภาพทุกตารางนิ้วอย่างอเมริกัน ชี้หน้ากล่าวหาตัวละครอย่างโรบินฮู้ดว่าเป็นคอมมิวนิสต์ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมีการประกาศ “แบน” หนังสือโรบินฮู้ดอย่างเป็นทางการทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในรัฐอินเดียน่าเลยทีเดียว
เรื่องราวความดังของจอมโจรขวัญใจคนยาก วีรบุรุษแห่งป่าเชอร์วู้ดไม่ต้องพูดถึง เพราะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการถ่ายทอดเรื่องราวของโรบินฮู้ดกับผองเพื่อนในป่าออกมาหลายเวอร์ชั่น ไม่ว่าจะเป็นนิทานหรือหนังฮอลลีวู้ด ทำให้ทุกคนในโลกรู้จักโรบินฮู้ดโดยปริยาย
นอกจากหนุ่มแม่นธนูที่ได้รับการเรียกขานว่า “โรบินฮู้ด” แล้ว ยังมีบรรดาผองเพื่อนอีกมากมาย เช่น ไฟรเออร์ ทัค , วิล สคาร์เล็ต, ลิตเติ้ลจอห์น และเมด มาเรียน สาเหตุที่ทำให้ตำนานเรื่องเล่าของโรบินฮู้ดและสหายโด่งดัง เพราะพฤติกรรมปล้นคนรวยเอามาแจกคนจนของคนกลุ่มนี้นั่นเอง
หลายคนอาจสงสัยว่าโรบินฮู้ดมีตัวตนจริงหรือเป็นแค่เรื่องเล่า เพราะต้นเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 12-14 คืออาจจะเป็นใครก็ได้ในช่วงนั้น ส่วนป่าเชอร์วู้ดอันเป็นพำนักพักอาศัยของโรบินฮู้ดและผองเพื่อนมีอยู่จริง ป่าเชอร์วู้ดมีพื้นที่ 32 กิโลเมตร กว้าง 12.8 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 100,000 เอเคอร์ในมณฑลนอตติงแฮมเชียร์ พื้นที่เป็นทุ่งราบและป่าทึบ สมัยก่อนพื้นที่ทุกตารางนิ้วในป่าเชอร์วู้ดเป็นพื้นที่ป่าสงวนให้กษัตริย์และราชวงศ์ใช้ล่าสัตว์
ทีนี้ทำไมอยู่ๆ โรบินฮู้ดถึงถูกอเมริกากล่าวหาว่าเป็นคอมมี่ไปได้ เพราะเนื่องมาจากวีรกรรมของโรบินฮู้ดในการปล้นคนรวยมาแจกจ่ายคนจนนั่นเอง เป็นที่ถูกอกถูกใจพี่หมีขาวชาวโซเวียต ในยุคที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ขยายตัวไปบางส่วนของโลกหรือยุคสงครามเย็น เลยยกโรบินฮู้ดให้เป็นวีรบุรุษต้นแบบของระบอบคอมมิวนิสต์ จนนำไปเป็นตัวเอกในหนังชวนเชื่อยุค 1970s - 1980s
ทั้งที่การกระทำของจอมโจรแห่งป่าเชอร์วู้ดไม่ได้จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเพื่อล้มการปกครอง หรือเปลี่ยนระบอบการปกครองแต่อย่างใด แถมไม่ได้อยากปล้นฆ่าคนรวยเอามาให้คนจน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในสังคม แต่ที่ทำไปเพราะต้องการกำจัดนายอำเภอโกงกินพุงกางในอังกฤษยุคนั้นมากกว่า
พอพี่หมีขาวรัสเซียเนียนเอาโรบินฮู้ดมาเป็นตัวเอกในหนังโฆษณาชวนเชื่อก็เป็นเรื่องสิ อเมริกาพ่อทุกสถาบันเห็นเข้าก็ตัวสั่นเร่า ประกาศแบนทันที และรัฐที่ประกาศปังดังลั่นคือรัฐอินเดียน่านี่แหละ
ในปี 1953 คณะกรรมการหนังสือเรียนของรัฐอินเดียน่าออกคำสั่ง “แบน” หนังสือโรบินฮู้ดทุกเล่มทั้งในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วทั้งรัฐ โดยให้เหตุผลอันงี่เง่าว่า พฤติกรรมของโรบินฮู้ดที่ปล้นคนรวยไปช่วยคนจนนั้น ดูแล้วมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ที่มุ่งยึดทรัพย์สินและบ้านช่องนายทุนเอามาให้ชนชั้นกรรมาชีพ โถ..ลูกอีช่างโยง
คงต้องขอเล่าประวัติศาสตร์อเมริกาช่วงสงครามเย็นให้ฟัง แล้วจะเห็นภาพชัดแจ้งแดงแจ๋ว่าทำไม๊..ทำไมรัฐอินเดียน่าถึงกล่าวหาโรบินฮู้ดแบบนี้
อเมริกาขับเคี่ยวกับทั้งพี่หมีขาวและพญามังกรจีนอย่างถึงพริกถึงขิงในยุคสงครามเย็น เป็นการต่อสู้กันระหว่างสองค่ายการปกครองระหว่างเสรีประชาธิปไตย (ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ค่อยเสรีอย่างที่สร้างภาพหรอก) กับลัทธิคอมมิวนิสต์ ซึ่งลุงแซมตั้งต่อต้านอย่างสุดตัวสุดตีน จนเข้าข่ายบ้าคลั่งในบางครั้ง
ช่วงสงครามเย็นที่ว่านี่แหละเกิดการล่าแม่มด โดยกล่าวหาว่าคนนั้นคนนี้มีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ เรียกว่าใครเกลียดใครหรืออยากล้างแค้นใคร แค่บอกทางการว่าไอ้นั่นอีนี่เป็นคอมมิวนิสต์รับรองถูกลากไปสอบสวนหมด เลยโดนกันทั่วหน้า ไม่ว่าเป็นนักการทูต นักเขียน กองทัพ รวมไปถึงบุคลากรในวงการภาพยนตร์
กลุ่มสุดท้ายนี่มักจะถูกล่าอย่างหนัก เพราะคณะกรรมการของรัฐสภายุคนั้นเชื่อว่า ผู้กำกับหรือผู้สร้างหนัง สามารถชี้นำมวลชนให้ฝักใฝ่ลัทธิคอมมิวนิสต์ผ่านทางภาพยนตร์เพื่อล้างสมองมะริกันทั้งหลาย หลายคนถูกสอบสวนอย่างหนัก ถูกขึ้นบัญชีดำ หรือถูกบีบให้คายชื่อเพื่อนหรือคนรู้จักที่เข้าข่ายเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งบางก็เอาตัวรอดด้วยการซัดทอดคนบริสุทธิ์
จุดเริ่มต้นของการล่าแม่มดคอมมิวนิสต์มาจากลัทธิแม็คคาร์ธี (McCarthyism) ที่มาจากชื่อวุฒิสมาชิกโจเซฟ แม็คคาร์ธี แห่งพรรครีพับลิกัน สำหรับคนไทยที่ไม่ใช่คอการเมือง ขอนิยามสั้นๆ ว่าพรรครีพับลิกันออกแนวขวาจัด ส่วนพรรคเดโมแครตจะออกแนวหัวก้าวหน้าค่อนไปทางซ้าย อีตาแม็คคาร์ธีนี่ขวาจัดแบบชนิดที่เรียกว่าสุดโต่ง เกลียดคอมมิวนิสต์ชนิดสุดติ่งทิงนองนอย เลยกลายเป็นไล่ล่ากวาดล้างบรรดาคนที่มีแนวโน้มจะเป็นคอมมิวนิสต์ในอเมริกา
ช่วงนั้นทุกคนโดนไล่ล่าไม่เว้น แม้กระทั่งประธานาธิบดีเฮนรี เอส. ทรูแมน ยังโดนแม็คคาร์ธีกล่าวหาว่า อ่อนข้อให้กับพวกคอมมิวนิสต์และปกป้องสายลับโซเวียต ขนาดประธานาธิบดี ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ที่รับตำแหน่งต่อจากทรูแมนยังไม่ค่อยอยากจะแตะอีตาแม็คคาร์ธีนี่เลย
แม็คคาร์ธีมีมือตีนแขนขาในการไล่ล่าแม่มด หนึ่งในนั้นคือ สำนักงานสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอ ภายใต้การก่อตั้งและอำนวยการของจอห์น เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ ซึ่งใช้ทุกวิถีทางในการลิดรอนเสรีภาพของอเมริกัน ทั้งดักฟัง สะกดรอย ข่มขู่ รวมไปถึงตั้งคณะกรรมการไต่สวนกิจกรรมที่ไม่เป็นอเมริกันของวุฒิสภา (HUAC – House Unamerican Activities Committee)
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คณะกรรมการหนังสือเรียนของรัฐอินเดียน่า จะออกคำสั่งบ้าบอคอแตกแบบนี้ แต่อย่าคิดว่าทุกคนจะทำตาม เพราะกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยอินเดียน่าสาขาเมืองบรูมมิ่งตัน ลุกขึ้นมาต่อต้านคำสั่งนั้น มีการเอาขนไก่มาย้อมสีเขียวแล้วสวมหมวกปักขนนกสีเขียว ซึ่งจริงๆ คือขนไก่ย้อมสี แต่งชุดเขียวเลียนแบบโรบินฮู้ด ลุกขึ้นมาเป็นปากเสียงแทบโรบินฮู้ด ในนาม “กลุ่มขนนกเขียว” หรือ The Green Feather Movement
จากนั้นขบวนการต่อต้านก็ขยายตัวไปทั่วทุกเครือข่ายมหาวิทยาลัยในรัฐอินเดียน่า ผลคือเอฟบีไอลากนักศึกษาพวกนั้นไปสอบสวน ทุกคนในรัฐต่างหวาดกลัวและไม่อยากยุ่ง เพราะกลัวจะถูกยัดข้อหาเป็นคอมมิวนิสต์ไปด้วย เลยเงียบกริบก้มหน้ากันหมด แต่กระนั้นกลุ่มนักศึกษาที่นำโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยอินเดียน่าวิทยาเขตบรูมมิ่งตันก็ประท้วงต่อไป
จนในที่สุดคณะกรรมการหนังสือเรียนของรัฐอินเดียน่าก็ยกเลิกคำสั่งแบนโรบินฮู้ดในปีรุ่งขึ้นนั่นเอง โรบินฮู้ดขวัญใจคนยากถึงรอดพ้นจากการกลายเป็นคอมมิวนิสต์ได้ในที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี