เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมงานพระราชทานเลี้ยงรับรองพระประมุข ประมุข และผู้แทนของประเทศต่างๆ เนื่องในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระราชวังบักกิ้งแฮม

จากนั้น เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลาแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ และไอร์แลนด์เหนือ ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

พสกนิกรชาวไทยทั่วโลก ต่างชื่นชมพระบารมีแซ่ซ้องในความสง่างาม สมพระเกียรติแห่งประมุขของราชอาณาจักรไทย สมดั่งคำกล่าวว่า “พระราชา พระราชินีคือ ศรีสง่าแห่งแว่นแคว้น”

1. แฟนเพจ Queen Sirikit Museum of Textiles นำเสนอเกร็ดข้อมูลที่น่าสนใจว่า

“พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงร่วมงานเลี้ยงพระราชทาน ซึ่งสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลาแห่งสหราชอาณาจักร ทรงเป็นประธานพระราชทานเลี้ยงแด่พระมหากษัตริย์ และสมาชิกพระราชวงศ์ต่างประเทศ รวมทั้งประมุขต่างประเทศและบุคคลสำคัญต่างๆ ที่จะเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ณ พระราชวังบักกิ้งแฮมกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร

ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทยบรมพิมาน ผ้าไหมยกดอกลำพูน ลายพิกุลถมเกสร พร้อมเครื่องขัตติยราชวราภรณ์พระสังวาลนพรัตนราชวราภรณ์ พระปั้นเหน่งดวงตรามหาจักรีประดับเพชร พระกุณฑลจักรี และสร้อยพระศอเพชร ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” (ภาพแรก)

2. แฟนเพจ We love Her Majesty Queen Suthida Fanpage นำเสนอภาพและข้อมูลที่น่าสนใจด้วยเช่นกันว่า

“สร้อยพระศอและพระกุณฑลไพลินประดับเพชร พระราชนิยม สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงสร้อยพระศอและพระกุณฑลไพลินประดับเพชร ในโอกาสเสด็จออกพระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะกรรมการหม่อนไหมระหว่างประเทศ ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลหลุยส์ปาสเตอร์ แด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และยังคงนำมาทรงในอีกหลายวาระโอกาส

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสร้อยพระศอและพระกุณฑลไพลินประดับเพชร ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

3. เพจ โบราณนานมา ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดที่น่าสนใจอีกเช่นกัน ระบุว่า

“สร้อยพระศอไพลินประดับเพชร ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วันนี้ (6 พฤษภาคม 2566) สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา แห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงสร้อยพระศอและพระกุณฑลไพลินประดับเพชร ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

“สร้อยพระศอไพลินประดับเพชร” องค์นี้ ประดับเพชรโดยไพลินสีน้ำเงินเม็ดนี้มีขนาด 109.57 กะรัต จี้ไพลินสีน้ำเงินองค์นี้ เป็นฝีมือการออกแบบและประดิษฐ์จากบริษัทอัญมณี Van Cleef & Arpels จากประเทศฝรั่งเศสเมื่อประมาณปี 2506”

4. ในขณะที่คนไทยส่วนใหญ่ต่างชื่นชมพระบารมี คนต่างชาติก็สนใจฉลองพระองค์และเครื่องประดับ ซึ่งเป็นเสมือนซอฟต์ พาวเวอร์ ของไทย

แต่แกนนำม็อบ 3 นิ้ว นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์” แกนนำกลุ่มราษฎร ได้โพสต์ทวิตเตอร์ ระบุข้อความว่า “กูว่ากูเจอ “บลูไดมอนด์” ที่อังกฤษว่ะ ! #พระราชพิธีบรมราชาภิเษก”

เป็นพฤติกรรมต่ำทราม แสดงออกถึงข้อมูลเท็จที่มีอยู่ในหัวสมอง

ชาวโซเชียลต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของนายภาณุพงศ์กันเป็นจำนวนมาก

เป็นการเอานิทานหลอกเด็ก เรื่อง “บลูไดมอนด์”ที่ใส่ร้ายป้ายสีราชวงศ์ไทย นำมาปั่นอีกครั้ง

ข้อมูลจริงปรากฏหลักฐานชัดเจนว่า สร้อยพระศอไพลินสีน้ำเงิน (สร้อยพระศอและพระกุณฑลไพลินประดับเพชร)นั้น เป็นพระราชนิยมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ไพลินสีน้ำเงินดังกล่าว (ไม่ใช่เพชรซาอุฯ) เป็นผลงานออกแบบและประดิษฐ์โดยบริษัท Van Cleef & Arpels จากฝรั่งเศส เมื่อประมาณปี 2506

โดยมีภาพถ่ายบันทึกเป็นหลักฐานไว้ชัดเจนว่ามีอยู่ตั้งแต่ก่อนจะเกิดเรื่องเพชรซาอุฯ ในปี 2532

ถึงขนาดว่า ปัจจุบัน ประเทศไทย โดยรัฐบาลลุงตู่ ฟื้นสัมพันธ์ซาอุฯ กลับมาค้าขาย ลงทุน ช่วยเหลือเกื้อกูล

แต่สุดแสนจะเวทนา ไอ้พวก “โง่แต่เสียงดัง” อวดฉลาด เชื่อข่าวเท็จแล้วคิดว่าคนในสังคมโง่กว่าตัวเอง

ยังคงลอยหน้าลอยตา เป็นถึงผู้ช่วยหาเสียงของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้

เหลือเชื่อตรงที่ คนรุ่นใหม่ คนมีการศึกษาบางส่วนยังไปหลงเชื่อลมปากของไอ้คนพรรค์อย่างนี้ด้วย

หน้ามืด ยอมให้คนแบบนี้จูงจมูก ปั่นกระแสเดินตามเซื่องๆ สุดแสนอนาถใจ

สารส้ม