“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งมิพ่าย” ลุงซุนคนแถวบ้านผมบอก!
“มีตาไม่ดู มีหูไม่ฟัง สู้กี่ครั้งก็แพ้” ป้าขายก๋วยเตี๋ยวหน้าวัดสำทับ!
เรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ ผมพูดเฉพาะพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่นใด ไม่เกี่ยวกับด้อมส้มด้อมแดงและสลิ่มด้วย
เหตุผลที่ไม่พูดถึงพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมในฐานะคู่แข่งด้วยก็เพราะกำลังร่อแร่ ทั้งตอนนี้และการเลือกตั้งสมัยหน้า ถ้ายังคง “ภาพลักษณ์”แบบยุคกลไกอยู่ แม้ว่าจะมีนักการเมืองที่มีคุณภาพอยู่ด้วยก็ตาม
พรรคก้าวไกลนั้นครองใจสื่อมวลชนส่วนมาก แถมมีสื่อของตนสนับสนุนอีกต่างหาก จึงครองใจคนรุ่นใหม่จนถึงคนรุ่นเก่าได้มหาศาล แถมมีชาวบ้านที่เคยเป็นคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยจำนวนไม่น้อยสนับสนุนด้วย
พรรคก้าวไกลพูดน้อยนับตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน พูดน้อยแม้กระทั่งเรื่อง “นักโทษชายทักษิณ” ที่ขัดกับหลักการของพรรคตนเรื่อง “ความเท่าเทียม–ความเป็นธรรม” คุณชัยธวัชตุลาธน พูดอยู่ครั้งหนึ่งก็เกิดวิวาทะกับคุณภูมิธรรม เวชยชัย เล็กน้อย จากนั้นก็ไม่เห็นระดับแกนนำพูดอีกเลย
แบบว่า... “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง” เพื่อจะได้จับคู่กันในวันหน้าหลักการใดๆ เก็บไว้ก่อน!
แต่เมื่อพวกเขาพูดก็มีน้ำหนัก...ในยามที่ต้องโชว์ศักยภาพแก่สาธารณชน
เห็นได้จากการอภิปราย “ร่างพระราชบัญญัติร่ายจ่ายงบประมาณประจำปี พ.ศ.2567” ซึ่งมีสส.หน้าใหม่ของพรรคอย่างน้อยก็ 10 คน อภิปรายได้อย่างคล่องแคล้ว มั่นใจ มีข้อมูลตรงประเด็น มีผังอธิบายให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่ายทั้งหมดนี้ทำอย่างเป็นระบบ ที่พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมไม่เคยทำ (อย่างเป็นระบบ) มาก่อน นอกจากอาศัยวาทะและความช่ำชองของแต่ละคน
การอภิปรายครั้งนี้ไม่เพียงตอกย้ำให้คนที่เลือกพรรคก้าวไกลอยู่แล้วมั่นใจมากขึ้นอีก ว่าเขาเลือกได้ถูกต้องแล้ว แต่ยังได้ใจคนที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดด้วย
ฝ่ายตรงข้ามหลายคนและคนทั่วไปก็ได้เห็นประโยชน์ของการอภิปรายแบบนี้ เพราะมันแสดงให้ผู้คนได้เห็นมาตรฐานใหม่ของการอภิปราย…อย่างน้อยก็มาตรฐานของพรรคก้าวไกลเอง
(กรณีของ คุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถือหุ้น หจก. ที่ศาลตัดสินไปแล้วก็เป็นฝีมือของพรรคก้าวไกล)
พรรคก้าวไกลจึงได้คะแนนบวกเพิ่มไปอย่างไม่แปลกใจ
พรรคเพื่อไทยบ้าง แม้ได้เปรียบพรรคก้าวไกลที่เป็นรัฐบาล มีโอกาสสร้างผลงานอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อเก็บคะแนนเสียงได้มากกว่า แต่ผ่านไปแล้ว 4 เดือนก็ยังไม่เห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แม้โฆษกพรรคจะประกาศว่ามีผลงานมากมายก็ตาม เวลาส่วนมากเสียไปกับการเดินทางของนายกรัฐมนตรี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเสียเวลากับเรื่องดิจิทัล วอลเล็ต -ซอฟต์ เพาเวอร์ อย่างไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ซ้ำยังมีปัญหา “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน”คือปัญหานักโทษชายทักษิณที่ไม่ยอมเข้าคุกที่ทำให้เสียคะแนนมากขึ้นทุกวัน จากคนทุกฝ่ายและคนทั่วไปที่ไม่สนใจเรื่องฝ่าย
หลายคนบอกว่าต้องรอให้ผ่านครึ่งปีนี้ไปก่อน และหน่วยงานต่างๆ สามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีได้จึงจะเริ่มเห็นผลงาน ก็มีส่วนถูก แต่ที่เห็นในวันนี้ก็ยังไม่มีโครงการอะไรที่ชัดเจน นอกจากพูดเรื่องเดิมๆ คือเงินดิจิทัล ซอฟต์ เพาเวอร์ และแลนด์บริดจ์4 เดือนที่ผ่านไปจึงไม่ได้คะแนนบวก
ผมไม่เชื่อว่าภายในปีนี้พรรคเพื่อไทยจะมีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันได้ เพราะมีเวลาใช้เงินงบประมาณครึ่งปีเอง รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ต่างไปจากปัจจุบันได้ เมื่อเป็นดังนี้ก็จะทำให้คะแนนของตนหายไปอีก
แต่เวลายังอยู่อีก 3 ปีครึ่ง (ถ้ายังอยู่ครบเทอมและก้าวไกลไม่หกล้ม) ต่างก็มีเวลาที่จะสร้างผลงานด้วยกันทั้งคู่ พรรคก้าวไกลสร้างคะแนนด้วยการอภิปราย พรรคเพื่อไทยสร้างคะแนนด้วยผลงานที่เป็นรูปธรรม
ถ้ามองแค่วันนี้ พรรคก้าวไกลได้คะแนนมากกว่า ขณะที่พรรคเพื่อไทยคะแนนลดลงด้วยซ้ำ
ส่วนพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมก็เป็นตัวประกอบในสภาต่อไป มีกองเชียร์ของแต่ละพรรคเป็นท่านผู้ชม!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี