ศิลปิน (นักร้อง นักดนตรี นักเขียน จิตรกร ผู้กำกับภาพยนตร์ฯ) รวมทั้งนักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน และอีกหลาย “นัก” นั้น ถ้ามีอุดมคติ “รักสันติวิธี - รักสันติภาพ” ก็ถือว่าชีวิตตนและงานมีคุณค่าแก่สังคม
อุดมคติของอะไร?
อุดมคติของมนุษยธรรม ของความรักเพื่อนมนุษย์
มันเป็นจิตวิญญาณ - เป็นสำนึกของศิลปินและนักทั้งหลาย ไม่ใช่แค่พูดเอาเท่ เอากรี๊ด
แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อศิลปินและนักทั้งหลายมีอุดมคติแล้วจะโชว์หรือใช้อุดมคติเมื่อใดก็ได้ โดยไม่เลือกกาลเทศะ ไม่เลือกสถานการณ์ เพราะมันเสี่ยงจะกลายเป็นเรื่อง “อุดมการณ์ของลัทธิการเมือง”
ความขัดแย้งระหว่างเขมรกับไทยเรื่องชายแดนก็มีศิลปินและนักทั้งหลายออกมาด่าคนรักชาติว่า “คลั่งชาติ -คลั่งความรุนแรง” เพราะเท่ากับสนับสนุนทหารอันเป็น “ของแสลง”
ใจตน จึงเรียกร้องให้คนรักชาติใช้ “สันติวิธี” เพื่อ “สันติภาพ” แก้ปัญหาความขัดแย้งกับเขมร
แต่การเรียกร้องสันติวิธีอย่างเลื่อนลอยนั้นไม่มีประโยชน์ กลับเป็นการฉกฉวยสถานการณ์เพื่อผลประโยชน์ของตนเสียมากกว่า การเรียกร้องให้ใช้สันติวิธีเพื่อสันติภาพนั้นจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยดังนี้
1.กาลเทศะ ต้องเรียกร้องโดยเข้าใจสถานการณ์ของทั้ง 2 ฝ่าย ว่าเป็นอย่างไร ใครสร้างปัญหา จึงกำหนดการเรียกร้องได้อย่างสอดคล้องกับความเป็นจริง ความขัดแย้งเขมรกับไทยครั้งนี้
เขมรเป็นตัวปัญหา ไม่ใช่ไทย การเรียกร้องให้ไทยแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีจึงผิดสถานการณ์ ต้องเรียกร้องทั้ง 2 ฝ่าย
2.ผู้เรียกร้องจะต้องพิสูจน์ตัวเองมาแล้วว่ามีอุดมคติหรือรักสันติภาพจริง เคยต่อสู้ - เรียกร้องกรณีความขัดแย้งต่างๆ ให้ใช้สันติวิธีมาแล้ว เช่น มหาตมะ คานธี ต่อสู้กับอังกฤษเพื่อทวงคืนเอกราชให้อินเดียก็ใช้ชีวิตของตนทั้งชีวิตต่อสู้ - เรียกร้องจนประสบผลสำเร็จ ท่านได้พิสูจน์ให้โลกได้เห็นว่า “เลือดเนื้อและจิตวิญญาณ” ของท่านนั้นคือสันติภาพ มีความรักเพื่อนมนุษย์อย่างไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเชื้อชาติชนชาติหรือศาสนาใด ท่านเคยเขียนหนังสือที่ตราตรึงใจคนทั้งโลกมาแล้วคือ “โลกทั้งผองพี่น้องกัน” ซึ่งประกาศอุดมคติของท่านและให้เป็นแรงบันดาลใจแก่ทุกคนจนวันนี้
3.พวกศิลปิน โดยเฉพาะนักร้องนักดนตรี ซึ่งมีอิทธิพลแก่คนกว้างขวางกว่าศิลปินสาขาอื่นๆ ก็ต้องเคยมีผลงานที่ “สื่อ” ถึงเรื่องสันติวิธี รักสันติภาพ อันเป็นการยืนยันอุดมคติของศิลปินนั้นๆ เช่น จอห์น เลนนอน แต่งและร้องเพลง “Imagin” ด้วยความหมายเดียวกับหนังสือ “โลกทั้งผองพี่น้องกัน” ของท่านมหาตมะ คานธี ก็กินใจคนทั้งโลกมาจนวันนี้
นักเขียน นักสร้างภาพยนตร์ นักแสดง ก็ต้องมีผลงานที่สื่อถึงเรื่องสันติวิธีและสันติภาพ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอต่อกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วโลก เสียง
เรียกร้องจึงมีน้ำหนัก มีความหมาย และสาธารณชนได้เห็นความจริงใจ แม้การเรียกร้องไม่ได้ผล แต่ก็ได้รับการคารวะจากประชาชน
คนทั่วไปนั้นถ้าจะเรียกร้องสันติวิธีก็ทำได้ แต่ต้องใช้เสียงจำนวนมากจึงจะมีคนฟัง ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรงอย่างทหารจะปฏิบัติตาม เพราะพวกเขามีข้อมูล อยู่ในสถานการณ์จริงและเป็นมืออาชีพ
4.พวกที่จัดตั้งเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรสันติวิธี องค์กรสันติภาพต่างๆ และใช้ “ทุน” ดำเนินงานนั้น ทุกวันนี้ไม่เพียงไร้ความหมาย แต่ยังเป็นตัวตลกไปแล้ว เพราะประชาชนไม่เชื่อใจ ไม่ไว้วางใจว่ารับใช้ใคร ใครหนุนหลัง ใครให้ทุน
สงคราม ความขัดแย้ง กรณีพิพาทในโลกนี้จะยังคงมีต่อไปและมากขึ้น เพราะตัณหาของมนุษย์รุนแรงขึ้น ขณะที่สติปัญญาน้อยลง สันติวิธีและสันติภาพจึงจำเป็น ดังนั้นใครต้องการสันติวิธี ต้องการสันติภาพ ก็สร้างและหล่อหลอมตัวเองอย่างที่กล่าวมา วันหน้าเมื่อจำเป็นต้องใช้ก็จะมีพลังในสังคม
ไม่ใช่ออกมาก่นด่า - ประณามคนรักชาติว่าคลั่งชาติ คลั่งความรุนแรง เพราะพวกเขาสนับสนุนทหาร ซึ่งยึดโยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกตนจึงเร่าร้อนด้วยกลัวว่าจะล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ได้ภายในรัชกาลนี้ต้องล้มเหลว
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี