“ทั้งส้มทั้งแดง” ต่างก็จิตวิปริตบิดเบือนเรื่องการชุมนุมของ “คณะรวมพลังแผ่นดินฯ” จนหลอนว่าเรียกร้องให้มีการรัฐประหาร เพียงเพราะคุณสนธิพูดเปิดทางอย่างกลางๆ เท่านั้น มันเป็น
การออกตัวด้วยซ้ำว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้เรียกร้องรัฐประหาร แต่ใครจะทำก็ห้ามไม่ได้ แต่ฝ่ายวัวสันหลังหวะไม่สนใจ ไม่สนใจกระทั่งคนอื่นๆ พูด
เรื่องรัฐประหารนั้นไม่ว่าใครจะเรียกร้องหรือไม่เรียกร้อง ถ้าทหารเห็นว่านักการเมืองมันบัดซบหน้ามืดตามัวพาประเทศชาติล่มจมเขาก็รัฐประหาร แต่ถ้านักการเมืองบริหารประเทศได้ดี สังคมปกติสุข ต่อให้มีคนเรียกร้องมากมายแค่ไหนเขาก็ไม่ทำ
จะทำเพื่อให้ประชาชนต่อต้านทำไม?
ดังนั้นรัฐประหารจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับนักการเมืองทำหน้าที่โดยสุจริตหรือทุจริต แต่ที่ผ่านมา 2 ปีนั้นพรรครัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างจริงจังเลย นอกจากแจกเงิน 1 หมื่นบาท และก็แจกไม่ทั่ว สร้างแต่หนี้ให้ประเทศ สร้างแต่ความลำบากยากแค้นให้ประชาชนหาเช้ากินค่ำมาจนทุกวันนี้
ตลอดเวลา 2 ปีนั้น นักการเมืองใช้การเมืองทำแต่ประโยชน์ของตน พรรครัฐบาลหมกมุ่นอยู่กับเรื่อง MOU43 และ 44 ก็เพื่อผลประโยชน์ของตนกับผู้นำกัมพูชาเท่านั้น
พรรคฝ่ายค้านที่ตลอดมา 2 ปี ก็ค้านแบบเสียไม่ได้ เพราะเอาแต่ใช้วาทะใช้ข้อมูลจากสื่อ ไม่สามารถหาข้อมูลลึกๆ จากหน่วยงานราชการหรือจากหน่วยงานอื่นของรัฐได้ ไม่เหมือนการเมืองในยุคอนาล็อก เพราะเขาเกลียดและไม่ไว้วางใจ ซ้ำพรรครัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านก็มีอุดมการณ์เดียวกันคือ“ล้มเจ้า” เจ้าของพรรคก็ตกลงสมคบคิดกันไว้แล้ว การค้านในสภาจึงท่าดีทีเหลว หาสาระไม่ได้
มาวันนี้เมื่อนายกรัฐมนตรีถูกศาลตัดสินให้ยุติปฏิบัติหน้าที่ พรรคฝ่ายค้านก็ปฏิเสธที่จะค้าน ด้วยการอ้างเหตุผลสารพัด ซ้ำโยนความผิดมาที่ฝ่ายเรียกร้องให้ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ว่าต้องจัดการกันเองให้ “พรรครวมไทยสร้างชาติถอนตัว” จากการร่วมกับรัฐบาล
ส่วนพรรคฝ่ายค้านเสนอให้ยุบสภาอย่างเดียว เพราะพรรคของตนไม่มีแคนดิเดตนายกฯแล้ว ทางออกที่จะมีแคนดิเดตนายกฯได้คือต้องยุบสภา
พร้อมกับยังปั่นว่า “คณะรวมพลังแผ่นดินฯ” เรียกร้องรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง และเรียกร้องประชาชนที่ร่วมชุมนุมให้เลิกสนับสนุน เพราะเท่ากับเรียกร้องรัฐประหาร!
พวกจิตวิปริตบิดเบือนนั้นไม่ฟัง ไม่อ่าน หรือฟังและอ่านก็ไม่เห็น “สาระ” ใน “แถลงการณ์” ของคณะรวมพลังแผ่นดินฯที่อ่านโดยคุณนิติธร ล้ำเหลือ
นั่นคือแก่นสารของการชุมนุมครั้งนี้
แถลงการณ์นี้กล่าวถึง “ปัญหาระดับโครงสร้างของประเทศ” ที่ควบคุมโดยนายทุนต่างๆ ตั้งแต่นายทุนการเมือง นายทุนเศรษฐกิจ นายทุนธนาคาร นายทุนพลังงาน...ไปจนถึงนายทุนภาคเกษตรกรรม เมื่อประเทศนี้ถูกควบคุมโดยนายทุนก็แสดงว่า “ประชาชนในประเทศนี้ไม่มีอธิปไตย”
“อธิปไตย” ที่ไม่ได้หมายถึงแค่ประชาชนทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตเท่านั้น แต่หมายถึง “พลเมืองที่ไม่มีอำนาจอะไรจะกำหนดชีวิตของตน” แม้พลเมืองทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการดำเนินชีวิตก็อยู่ภายใต้ “การครอบครอง การควบคุม กำหนด” โดยพวกนายทุนดังกล่าวนี้
ประชาชนเป็นเหมือนหมาล่าเนื้อ ล่าเนื้อให้พวกนายทุนกิน ส่วนตัวเองได้กินแค่หนังกับกระดูก ดีหน่อยก็เศษเนื้อ
ด้วยเหตุนี้จึงแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ฯลฯ ความเป็นธรรมในสังคมไม่ได้
คุณนิติธร (แถลงการณ์) ประกาศว่า ระบอบการเมืองที่เรียกว่าประชาธิปไตย ที่เลือกนักการเมืองเป็นตัวแทนนั้นแก้ปัญหาไม่ได้ ตลอดเวลา 93 ปีที่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาจนวันนี้กลับยิ่งตกต่ำเสื่อมโทรมจนประเทศจะฉิบหาย เพราะนักการเมืองเป็นตัวปัญหาและเป็นภัยแก่ประเทศชาติเสียเอง
เมื่อมีรัฐประหารก็แก้ไม่ได้และไม่ได้แก้ที่โครงสร้าง (การครอบครอง ควบคุม กำหนด โดยนายทุนการเมือง นายทุนเศรษฐกิจ นายทุนธนาคาร นายทุนพลังงาน...ไปจนถึงนายทุนภาคเกษตรกรรม) ทำได้แค่เยียวยา เพราะทั้ง “นักการเมืองและพวกที่รัฐประหารไม่จริงใจต่อประชาชน” มันจึงกลายเป็นวงจรอุบาทว์
คุณนิติธรย้ำชัดหลายครั้งว่าไม่เอาทั้งนักการเมืองและรัฐประหาร แต่เสนอให้ประชาชนร่วมกันสร้างอธิปไตยด้วยตนเอง ซึ่งถ้าฟังท่านอื่นๆ พูดอย่างใส่ใจก็พอเห็นว่าจะทำอย่างไร
ดังนั้น ถ้าใครคิดว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการเรียกให้มีรัฐประหาร แสดงว่าเป็นวัวสันหลังหวะและกลัวว่าพวกตน-ฝ่ายตนจะสูญเสียอำนาจ ในการครอบครอง ควบคุม กำหนดชะตากรรมของประชาชนในประเทศนี้
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี