ช่วงแรกที่ voice tv เปิดกิจการนั้น (และมีเรื่อยมาจนถึงวันปิดกิจการ) มีรายการวิพากษ์วิจารณ์การเมืองกันอย่างเข้มข้น ต่างลงความเห็นเออๆ ออๆ กันว่าคนไทยพร้อมเลือกตั้งมาตั้งแต่ยุคก่อนหน้าปฏิวัติ 2475 แล้ว และนั่นจึงเป็นที่มาของการปฏิวัติ!
ในยุคก่อนและหลังคณะราษฎรปล้นชิงอำนาจจากกษัตริย์นั้น คนไทยพร้อมจะเลือกตั้งหรือไม่ ผมไม่จำเป็นต้องเถียง ดูการเลือกตั้งครั้งล่าสุดนี้ก็พอตอบได้ว่า “คนไทยพร้อมหรือไม่พร้อมเลือกตั้ง”
คำว่า “พร้อมเลือกตั้ง” นั้นหมายความว่าคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้ง ต่างก็มีความรู้ มีความเข้าใจการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่ใช้วิธีเลือกตั้ง 1 สิทธิ์ 1 เสียงดีแล้ว
ประการสำคัญ...ต้องรู้เท่าทันความเจ้าเล่ห์เพทุบายของนักการเมือง รู้ว่านักการเมืองคนไหนดีคนไหนชั่ว พรรคการเมืองใดมีนโยบายแอบแฝง คลุมเครือ หมกเม็ดที่จะเปลี่ยนระบอบการปกครอง (ถ้าตนไม่เห็นด้วย) ไม่เลือกเพราะเหยื่อล่อที่เป็นเงิน ต้องไม่ขายสิทธิ์ขายเสียง ไม่เลือกตามที่คนมีอำนาจในท้องถิ่น
และหัวคะแนนบอก ไม่เลือกตามกระแสที่นักการเมืองปั่นให้คลั่งกันทั้งประเทศ แต่เลือกด้วยความใส่ใจและวิจารณญาณของตน
นักการเมืองพรรคใด - คนใดที่เคยเลือกและมีอำนาจแล้ว แต่โกงกิน ตระบัดสัตย์ โกหกตอแหลก็ต้องไม่เลือกอีก แม้จะมีเงินเป็นเหยื่อล่อมากขึ้นก็ตาม
ไม่ใช่เห็นเงินแล้วตาโต ไม่สนอีกต่อไปว่านักการเมืองพรรคนั้น - คนนั้นเคยคดโกงประเทศชาติมาแล้ว
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นพอเป็น “เครื่องมือชี้วัด” ได้ว่าคนไทยพร้อมเลือกตั้งหรือไม่
เมื่อดูความเป็นจริงของการเลือกตั้งครั้งล่าสุด มันก็แทบไม่ได้เป็นอย่างที่ “เครื่องมือชี้วัด” ยิ่งนึกย้อนไปถึงยุคก่อนและหลังคณะราษฎรปกครองประเทศ จึงตอบคำถามได้เลยว่า คนไทยไม่พร้อมเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย แม้จนวันนี้ก็ไม่พร้อม!
การเลือกตั้งเป็นแค่ “พิธีกรรมเปิดประตู” ไปสู่ “พื้นที่” ของระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น มันไม่ใช่ตัวระบอบฯ คนดี คนชั่ว โจร เจ้าพ่อเจ้าแม่ คนสุจริต คนโง่เขลา คนมีปัญญา จึงสามารถลงรับสมัครรับเลือกตั้งและเป็นผู้เลือกตั้งได้ทั้งนั้น แค่ไม่ขัดกับคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ก็ผ่านประตูไปสร้างชาติหรือโกงชาติได้แล้ว
เมื่อเป็นดังนี้ ประเทศไทยจึงได้นักการเมืองชั่ว โกงบ้านกินเมืองขึ้นสู่อำนาจมากมาย และไม่ใช่แค่สมัยเดียว หากแต่ยาวนานมาตั้งแต่หนุ่มจนแก่ก็มี หลายคนแก่ใกล้โลงแล้วก็ยังส่งต่อเชื้อชั่วให้ลูกหลานสืบทอดต่ออีก และน่าอัศจรรย์ คนส่วนมากก็เลือกอีก!
ระบอบประชาธิปไตยจึงเป็นเรื่องของ “คนโลภและฉลาด” และได้ครองอำนาจเพราะมี “คนโลภและโง่” คอยสนับสนุนเชิดชูไม่จบสิ้น
การเมืองไทยในปัจจุบันจึงชวนหดหู่และสิ้นหวังมาก ประเทศชาติกลายเป็นคลังสมบัติที่คนชั่วใช้กอบโกยทรัพย์สินเป็นของตนเอง และโยนเศษเงินภาษีให้คนที่สนับสนุนเขาไว้เป็นบ่ารองตีนเพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจต่อไป
ทุกวันนี้ “ระบบโกงแล้วแบ่งกัน” ได้กลายเป็น “เครือข่ายแห่งการคอร์รัปชั่น” ที่หยั่งรากลึกลงสู่แผ่นดินไทยแล้ว ไม่มีใครจะขุดโค่นทำลายมันได้ ตรงกันข้าม...กลับมี
คนร่วมด้วยช่วยกันเพิ่มขึ้น ก็อย่างที่มีคนพูดกันว่า “ใครเขาก็โกงกันทั้งนั้น”
ใครอยากจะขุดรากถอนโคนระบบดังกล่าวก็ลองนึกภาพดูว่าเมื่อ “สติปัญญาและวิจารณญาณของสังคมไทย” นั้นเป็นรูปพีระมิด ความโลภที่เป็นส่วนฐานนั้นกว้างมาก แต่ส่วนยอดที่เป็นสติปัญญา-วิจารณญาณนั้นแหลมเล็กนิดเดียว ใครจะขุดรากถอนโคนได้ไหว?
ซ้ำคนที่อยากจะขุดรากถอนโคนก็ไม่มีอำนาจอะไร เลือกตั้งก็เป็นเพียงเสียงข้างน้อยนิดพรรคการเมืองส่วนมากก็แข่งกันหว่านเหยื่อล่อพรรคเล็กๆ แม้มีความตั้งใจดีแต่ก็ไม่มีใครสนใจเลือก หลายพรรคจึงเริ่มหว่านเหยื่อเช่นกัน
คนไทยยุคเก่าบอกว่า “เมื่องูกินหางตัวเอง สุดท้ายมันก็จะกินตัวเองทั้งตัว”
สำนวนไทยบอกว่า “สัญชาติคางคก ยางหัวไม่ตกก็ไม่รู้สึก” แต่ผมเห็นว่าเราเป็นยิ่งกว่าคางคก แม้ยางหัวเราตกมาแล้ว แถมเลือดตาที่กระเด็นก็ยังไม่แห้งจนถึงวันนี้ เราก็ยังไม่รู้สึกอะไรเลย ยังลอยหน้าลอยตาเชียร์พวกนักการเมืองชั่วเหมือนปัญญาอ่อน
เราจึงไม่ใช่คางคก
เราคือ “คนไทย” ที่ไม่มีใครในโลกเหมือน เพราะเราไม่สนอ่าวเหวอะไรทั้งนั้นใครจะขายชาติ - ทำลายชาติก็ได้ ยอมให้ชาติถูกทำลายก็ได้ ถ้าเราได้ประโยชน์จากพวกโกงบ้านกินเมืองแม้เพียงขี้ตีน หรือเพียงได้แห่แหนอยู่ในกระแสคลั่งพอให้อัตตาได้พองโตเท่านั้น
คางคกมีสำนึกกว่าเรามากนัก!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี