ประเทศไทยมาถึงความอับจนได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้...ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในปี 2566 คนไทยมีความหวังว่าเมื่อเลือกตั้งใหม่แล้ว มีพรรคการเมืองที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ ประชาชนจะอยู่ดีมีสุขเสียที เพราะจะได้ “พรรคของฝ่ายประชาธิปไตย” บริหารประเทศ ไม่ใช่พรรคของทหารหรือ “พรรคของ 3 ลุง” อีกต่อไป
เพราะมีความเชื่ออย่างฝังหัวมานานแสนนานแล้วว่าพวกทหารนั้นโง่ เข้ามาปกครองประเทศก็เพราะต้องการอำนาจและผลประโยชน์เฉพาะของพวกตน ซึ่งในอดีตก็เป็นเช่นนั้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งคณะราษฎร!
ดังนั้น ไม่ว่ารัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์จะทำอะไร มุ่งมั่นแค่ไหนก็ไม่เคยถูกใจประชาชนส่วนมาก (ผมหมายถึงเรื่องการพัฒนาและเศรษฐกิจ) ส่วนนักการเมืองนั้นย่อมไม่ถูกใจอยู่แล้ว เพราะพวกทหารเข้ายึดอำนาจและผลประโยชน์ของพวกเขาไป ตลอดเวลา 9 ปี จึงมีแต่เสียงของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล และนักวิชาการ สื่อพูดกรอกหูอยู่แทบทุกวันว่า “ไม่มีผลงานอะไรเลย” “ประเทศชาติสูญเสียโอกาส” “ประเทศชาติตกต่ำ ประชาชนลำบากยากแค้น”
พวกคนดังในวงการต่างๆ อย่างหมอ นักร้อง ดารา พวกตลก และพวกหัวกลวงทั้งหลายก็ออกมาหยามเหยียดว่า “ผนงรจตกม” (ผู้นำโง่เราจะตายกันหมด) “เอา รปภ.มาขับเครื่องบิน” แล้วก็ขานรับกันเอิกเกริก
เหมือนมีหมาตัวหนึ่งเห่า หมาตัวอื่นๆ ก็เห่าตาม โดยไม่รู้ว่าหมาตัวแรกมันเห่าเพราะอะไร เพื่ออะไร
ส่วนผมก็เขียนเสมอมาในเฟซบุ๊กและในคอลัมน์นี้ว่า “ประชาชนโง่และโลภเราจะตายกันหมด!”
ตอนหาเสียงแต่ละพรรคก็โชว์นโยบายลดแลกแจกแถมแข่งกัน ตั้งแต่ค่าแรงขั้นต่ำจนถึงเงินสวัสดิการอื่นๆ เช่น เบี้ยคนชรา คนพิการ ผู้เจ็บป่วย เป็นต้น ราวกับว่าประเทศไทยผลิตเงินได้เอง ใช้เท่าไรไม่มีวันหมด
พรรคเพื่อไทยเรียกคะแนนด้วยนโยบายแจก 10,000 บาท พรรคก้าวไกลเรียกคะแนนด้วยนโยบายรัฐสวัสดิการ (ทำงานน้อยได้เงินมาก) พ่วงด้วยการแก้มาตรา 112 และจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
ทั้ง 2 พรรคต่างก็ประกาศปิดสวิตช์ 3 ป.ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี
พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล...คุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี เพลงของพวกเสื้อแดงที่ร้องกันก่อนหาเสียงดังขึ้นอีกครั้ง “เลือกเศรษฐา เราจะเป็นเศรษฐี” และเสียงประกาศของคุณเศรษฐาในช่วงหาเสียงว่า ประชาชนจะได้ใช้แก๊ส น้ำมันและไฟฟ้าราคาถูกลง ครอบครัวใดมีรายได้ไม่ถึง20,000 บาท พรรคเพื่อไทยจะเติมให้ครบ!
ประสานกับเสียงของคุณแพทองธารว่า “ปิดสวิตช์ 3 ป. ปิดสวิตช์ สว. คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีไปพร้อมๆ กัน...”
ตอนนี้....หลังจากรัฐบาลเพื่อไทยบริหารประเทศมาจะครบ 1 ปี เสียงของคุณเศรษฐากับคุณแพทองธารเงียบไปแล้ว แต่มันกลับดังในโลกออนไลน์มากขึ้น และยังคงดังอยู่ในหัวผมจนต้องเขียนย้ำในวันนี้
นับแต่วันแรกที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมาจนถึงวันนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
คุณเศรษฐาบินว่อนไปต่างประเทศอย่างไร้ประโยชน์ พยายามผลักดันเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อจะแจกให้ได้ จะสร้างบ่อนกาสิโน ให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทย 99 ปี ซื้อคอนโดมิเนียมได้ 75 เปอร์เซ็นต์ คุณแพทองธารพล่ามแต่เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ทั้ง 2 คนต่างก็ใช้เงินภาษีทั้งนั้น แต่ประชาชนได้รับอะไรบ้าง?
สิ่งที่ประชาชนได้รับก็คือ
ตลาด ร้านค้าน้อยใหญ่ทั่วประเทศ แม้แต่ห้างสรรพสินค้าแทบไม่มีคนเดิน
คนตกงานและว่างงานมากขึ้น นับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมามีคนตกงานแล้ว 25,000 คน มีโรงงานปิดไปแล้ว 2,000 แห่ง และจะปิดตามมาอีก...มากแค่ไหนไม่รู้
คนส่วนมากที่ยังมีรายได้อยู่ก็ไม่พอกับรายจ่าย เพราะสินค้าแพงขึ้น อันเป็นผลจากการประกาศของรัฐบาลว่าจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาทพร้อมกับปรับเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ให้สูงขึ้น และเพิ่มเงินบำนาญขั้นต่ำ ในวันที่ 1ตุลาคม 2567 คนที่เป็นหนี้ธนาคารแทบทั้งหมด
จึงไม่มีเงินส่งรถ - ส่งบ้านจึงยอมให้ถูกยึด เฉพาะรถยนต์ตั้งแต่ต้นปีนี้โดนยึดใกล้ 300,000 คันแล้วส่งผลให้ธนาคารมีหนี้เสียมากกว่าช่วงโควิด
ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาของคนจน-คนชั้นกลางระดับล่างที่มีจำนวนมากที่สุด เป็นฐานรากที่กว้างใหญ่มากของสังคมแบบพีระมิด การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแค่แจกเงิน ไม่ว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หรือแจกในชื่อ รัฐสวัสดิการหรือหว่านถ้อยคำแห่งความหวังไปวันๆ
ปัญหาเกิดที่ฐานรากของสังคมก็ต้องเข้าไปแก้ที่ฐานรากของสังคม ซึ่งรัฐบาลนี้สำแดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีปัญญาจะแก้ได้
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี