มีคนจำนวนมากบอกว่าการเมืองไทยอยู่ในสุญญากาศ บ้างก็ว่ามันเป็นพลวัตรที่เลวทรามลง เมื่อเลวทรามไปถึงที่สุดแล้วมันก็จะย้อนขึ้นสู่สภาพที่ดีขึ้น แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนผมก็เห็นว่าเรารอให้มันดีขึ้นเองไม่ได้ ต้องมีคนใส่เหตุ-ปัจจัยเข้าไป
คนที่มีพลังจะใส่เหตุปัจจัยได้ก็มีเพียงคน 2 กลุ่ม
คือ “ทหาร” กับ “พลเมือง”
มีคนจำนวนมากที่เรียกร้องทหารให้ยึดอำนาจเหมือนอย่างที่เคยเรียกร้องมา และก็มีทหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือน 2 ครั้งมาแล้วโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เมื่อ 15 กันยายน 2549 แต่การยึดอำนาจครั้งนั้นก็ไร้ประโยชน์ อย่างที่เรียกกันว่า “เสียของ”
ไม่เพียงเสียของ แต่ยังช่วยให้ฝ่ายคุณทักษิณ “ได้ของ” อีกด้วย
“ของ” ที่ฝ่ายคุณทักษิณได้ตอนนั้นก็คือ ความชอบธรรมในฐานะฝ่ายประชาธิปไตยที่ถูกเผด็จการแย่งยึดอำนาจ และยังได้โอกาสบ่อนเซาะสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกล่าวกันว่า “อยู่เบื้องหลัง”
ต่อมามีการเรียกร้องอีกเพราะทนนักการเมืองชั่วไม่ไหว ก็มีการยึดอำนาจอีกเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้ไม่เสียของ
มาถึงวันนี้ก็มีคนเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจอีกเพราะเหลือทนกับนักการเมืองชั่ว หน้าด้าน ไร้น้ำยาแก้ปัญหาในประเทศชาติ
ทุกวันนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองทั่วประเทศกำลังย่ำแย่ โรงงานปิดกิจการ คนตกงานจำนวนมากขึ้นทุกเดือนร้านค้าน้อยใหญ่ไม่ค่อยมีคนซื้อ แม้กระทั่งห้างสรรพสินค้าก็แทบไม่มีคนเดิน คนที่เดินก็แทบไม่ซื้ออะไร เพียงแค่เดินตากแอร์และซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทั้งหมดบอกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ไม่มีเงิน จึงต้องประหยัด
เรื่องสำคัญที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในตอนนี้ก็คือเรื่อง “MOU” ที่ทำกับกัมพูชา แม้ประชาชนจะแสดงความไม่เห็นด้วย แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ยังดันทุรังจะเดินหน้าต่อให้ได้ จนคุณสนธิ ลิ้มทองกุลและคณะต้องยื่นหนังสือแก่รัฐบาลให้ยกเลิกและประกาศให้ตอบภายในเวลา 15 วัน
ถ้าไม่ยกเลิกก็มีโอกาสสูงมากที่จะมีม็อบ!
แต่ 2 วันมานี้รัฐบาลพูดดักคอไว้แล้วว่า “เศรษฐกิจกำลังดีทุกมิติและจะดีขึ้นเรื่อยๆ” และก็ขอร้องคุณสนธิว่าอย่าสร้างม็อบเลย จะทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ลงอีก
เป็นการโยนความผิดดักไว้ล่วงหน้าเลย ว่าถ้าเศรษฐกิจย่ำแย่อย่างที่เป็นอยู่หรือฟุบลงอีกแล้วมีม็อบ นั่นก็เป็นเพราะม็อบ ไม่ใช่ความไร้น้ำยาของรัฐบาล!
ม็อบจะมีพลังพอจนสามารถกดดันรัฐบาลให้ลาออกหรือยุบสภาไหม ซึ่งถ้าทำได้ก็ถือว่าดับไฟได้ครั้งหนึ่ง แต่เลือกตั้งครั้งต่อไป ผมก็คิดว่านักการเมือง 2 พรรคเดิมก็จะกลับมาอีก
ความวุ่นวายก็จะมากกว่าเดิมอีกเช่นกัน เพราะพวกเขาจะอ้างคะแนนเสียงของประชาชนเป็นความชอบได้หนักแน่นขึ้น
ถ้าเศรษฐกิจพัง ประชาชนก็จะยิ่งโทษม็อบตามที่รัฐบาลวางกับดักไว้
ทหารยึดอำนาจก็จะโดนข้อหาเดียวกัน
แต่ก็ดีกว่าที่จะปล่อยให้ประเทศชาติโดนฉุดลงเหวสู่ความหายนะอย่างทุกวันนี้
ถ้าเงื่อนไขหรือสถานการณ์เปิดให้มีการยึดอำนาจ ผมก็ไม่ทราบว่าทหารหรือม็อบพลเมืองจะยึดอำนาจ หรือม็อบเดินหน้าสร้างมวลชนไปก่อน พอสุกงอมแล้วทหารก็กินรวบ อย่างที่เกิดกับ กปปส.และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผมเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องยากมากที่ม็อบพลเมืองจะยึดอำนาจและเป็น “รัฏฐาธิปัตย์” เสียเอง แม้มีมวลชนมหาศาลก็ไม่มีอาวุธและมีการจัดตั้งอย่างกองทัพ อีกฝ่ายก็มีมวลชนเช่นกัน ถ้าต่างฝ่ายต่างแรงก็เสี่ยงจะเกิดสงครามกลางเมืองได้ง่ายๆ
ถ้า “ม็อบพลเมือง” ยึดอำนาจได้อย่างทหารบ้าง แล้วปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินเสียใหม่อย่างรอบด้าน เปลี่ยนกฎกติกาการเลือกตั้งใหม่ ให้มีวิธีกลั่นกรองคนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งทุกระดับ รวมทั้งมีข้อจำกัดสำหรับคนจะเลือกตั้งได้ก็ยิ่งดี โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้พวกขายชาติ-กินเมืองมีอำนาจ
เพราะถ้ายังเลือกตั้งด้วยกติกาและวิธีเดิม ปัญหานโยบายประชานิยมก็จะมากขึ้น นักขายชาติ-กินเมืองก็จะมากขึ้น ประชาชนก็จะโลภและโง่มากขึ้นไม่นานประเทศชาติก็จะเหมือนคนทุพพลภาพ
กำจัดนักการเมืองชั่วไม่ได้ ประเทศชาติหายนะแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่คอร์รัปชั่น แต่ขายชาติกันแล้ว!
วิมล ไทรนิ่มนวล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี