เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวคราวที่แชร์กันในโลกโซเชียลว่า “มีคนถูกแมวกัดแล้วมือบวม เป็นหนองทะลัก มีไข้ขึ้นสูง จนมีอาการหนัก” หลายคนก็พุ่งเป้าไปว่า มีสาเหตุเพราะ“แมว” จึงทำให้เป็นแบบนั้น แล้วก็พากันวิตก และเตือนกันทำนองว่า “ผู้เลี้ยงแมวควรระวัง!”
ในฐานะที่เป็น “คนรัก(ษ์) แมว” ก็เลยต้องขอชวนให้มองอีกด้านหนึ่ง เพื่อไม่ให้เป็นการปรักปรำจนเกินไป และเพื่อให้ความเป็นธรรมกับ“น้องแมว” จะได้ไม่ทำให้ “แมว”กลายเป็น “แพะ (รับบาป)” ไปครับ
ก่อนอื่น ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า “หนอง” คืออะไร
หนอง (pus) คือของเหลวข้นสีขาวเหลือง หรือสีเขียว ที่ขังอยู่ตามเนื้อเยื่อหรือแผลที่มีการติดเชื้อ โดยที่หนองจะประกอบด้วย เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย น้ำเลือดรวมถึงเศษเนื้อเยื่อที่ตายแล้วในแผลนั้น
พูดกันถึงกลไกการเกิดแบบง่ายๆ ก็คือ เมื่อผิวหนังมีแผลเกิดขึ้น จะมีเลือดออก เมื่อเชื้อโรค (แบคทีเรีย) เข้าแผล ร่างกายก็จะมีกลไกการป้องกันตนเอง โดยส่งเม็ดเลือดขาวเข้ามาที่แผลเพื่อต่อสู้กัน เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายก็จะเกิด “หนอง” ขึ้น
แผลหนองที่เกิดขึ้นในแผลจากการถูกกัดตามข่าวนั้น เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
- จากเชื้อโรคที่มีในช่องปากและในน้ำลายของแมวที่กัด(สุขอนามัยของแมวที่กัด) ซึ่งในน้ำลายของสุนัขและแมว (รวมถึงคน) ก็จะมีเชื้อแบคทีเรียอยู่แล้ว โดยเฉพาะตัวที่ไม่ได้มีการทำความสะอาดช่องปาก ไม่ได้มีการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ก็จะมีเชื้อแบคทีเรียปนเปื้อนอยู่มากขึ้น โดยเฉพาะตัวที่มีปัญหาเรื่องโรคปริทันต์ มีการอักเสบและติดเชื้อของเหงือก ฟัน และโครงสร้างอื่นในช่องปาก ก็จะยิ่งมีโอกาสที่เชื้อโรคเหล่านั้น จะเข้าสู่บาดแผลได้มากขึ้นอีก
- จากสภาพแวดล้อม ขณะเกิดบาดแผลที่ถูกกัด (รวมถึงภายหลังจากการถูกกัดด้วย) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียนั้นสามารถพบได้ในสภาวะแวดล้อมรอบตัวเรา โดยปกติผิวหนังของคนและสัตว์ จะเป็นกำแพงที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาในร่างกาย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ผิวหนังเกิดบาดแผลขึ้น ก็จะเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายและเกิดหนองขึ้นได้
- สุขอนามัยของผู้ที่ถูกกัด เพราะแม้จะไม่ได้รับเชื้อจากสัตว์ที่กัดแต่เมื่อเกิดแผล แต่ผู้ถูกกัดไม่ได้มีสุขอนามัยที่ดี เช่น ปล่อยให้แผลสัมผัสสิ่งสกปรก จากชีวิตประจำวันโดยไม่มีการทำความสะอาดแผลอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสรับเชื้อโรคเข้าบาดแผลจนเกิดหนองได้เช่นกัน
- นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้ถูกกัดด้วย ว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ เช่น เบาหวาน ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ หรือกำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
การถูกแมวกัด สามารถทำให้เกิดปัญหาอะไรได้บ้าง
- เกิดแผล อักเสบ ติดเชื้อหนอง (สาเหตุทั้งจากแมวและจากสิ่งแวดล้อม)
- โรคแมวข่วน (cat scratch disease) สัปดาห์หน้าจะมาคุยเรื่องนี้กันอีกทีครับ
- โรคพิษสุนัขบ้า (rabies) กรณีแมวตัวที่อาจมีเชื้อพิษสุนัขบ้าในร่างกาย
- โรคแทรกซ้อนอื่นที่ไม่ได้เกิดจากการกัด แต่สามารถเข้าทางบาดแผลได้ ในกรณีที่มีสุขอนามัยไม่ดี (เช่น เชื้อรา หนอนแมลงวันเข้าแผลเป็นต้น)
ควรปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อถูกแมว (และสุนัข) กัด
เมื่อถูกแมวหรือสุนัขกัด (โดยเฉพาะตัวที่เราไม่ได้ทราบประวัติ) เราควรคิด (ในแง่ร้าย) ไว้ก่อนเลยว่า แมวตัวนั้นอาจไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ามาก่อน ดังนั้น ต้องทำขั้นตอนตามที่ได้เคยกล่าวไว้แล้ว เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวเมื่อถูกสุนัขที่ไม่ทราบประวัติการ นั่นคือ “ล้างแผล-ใส่ยา-กักหมา-หาหมอ” ครับ
- ล้างแผล ด้วยน้ำสะอาดและสบู่หลายๆ ครั้ง สัก 5-10 นาที (เพื่อไล่เชื้อโรคที่เข้าแผลออกไปให้มากที่สุด) แล้วล้างซ้ำด้วยแอลกอฮอล์
- ใส่ยา ฆ่าเชื้อได้แก่ ทิงเจอร์ไอโอดีน โพรวิโดนไอโอดีน ยาแดง ยาเหลือง ฯลฯ
- กักหมา หมายถึงถ้าเป็นสุนัขหรือแมวไม่มีเจ้าของ ให้กักขังเอาไว้สัก1-2 สัปดาห์ เพื่อดูอาการว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ (โดยต้องให้อาหารกินตามปกติด้วย) หากตายก็จะต้องรีบส่งซากไปตรวจหาโรคพิษสุนัขบ้า
- หาหมอ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำความสะอาดแผลอย่างละเอียดอาจต้องมีการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยัก รวมถึงรับยาปฏิชีวนะและยาลดการอักเสบตามที่แพทย์แนะนำด้วย
ทั้งนี้ต้องกินยาปฏิชีวนะให้ครบทั้งจำนวนมื้อและทำความสะอาดแผลต่อเนื่องจนกว่าจะหายด้วยครับ
ขอเน้นว่า แม้จะเป็นแมวที่เราเลี้ยงเองก็ตาม เมื่อถูกกัดหรือเกิดบาดแผลแล้ว การล้างแผล ทำความสะอาดแผล การใส่ยา และการไปพบแพทย์ก็มีความสำคัญและจำเป็นครับ
สามารถป้องกันไม่ให้ถูกแมวกัดได้โดย
- ระมัดระวังการเกี่ยวข้องกับแมวที่ไม่ทราบประวัติการทำวัคซีนมาก่อน
- ระมัดระวังตัวเราในการเข้าหาแมวที่ไม่คุ้นเคย อย่าผลีผลามเข้าไปเพราะแม้จะมีเจตนาดี เพราะแมวอาจเข้าใจว่าเราจะเข้าไปทำร้ายก็ได้
- ฉีดวัคซีนให้แมวที่เราเลี้ยงเป็นประจำตามที่สัตวแพทย์แนะนำ
- ดูแลสุขอนามัยแมวที่เราเลี้ยงให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ (อาบน้ำทำความสะอาดช่องปาก เช็ด หรือแปรงฟัน)
- อย่าเลี้ยงแมวแบบกระตุ้นให้เขาโกรธหรือก้าวร้าวจนติดเป็นนิสัย
เรียนย้ำว่า เมื่อถูกแมวกัด จงอย่าตกใจจนเกินงาม อย่ากระชากมือหนีจนเกิดแผลกว้างขึ้น ต้องล้างทำความสะอาดแผล +ใส่ยาฆ่าเชื้อ และไปพบแพทย์เพื่อรับยาตามความเหมาะสมครับ ทั้งนี้ต้องดูแลรักษาความสะอาดของตนเองให้ดีจนกว่าแผลจะหายด้วยครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี