ผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสทำงานรับใช้สภากาชาดไทยตั้งแต่เกษียณจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมา 16 ปีแล้ว (พ.ศ. 2546) รวมทั้งได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในช่วงปี พ.ศ. 2551 – 2554 ซึ่งถึงแม้จะมีระยะเวลาเพียง 3 ปี แต่ในช่วงดังกล่าวได้เป็นเลขาธิการองค์การรัฐสภาแห่งเอเชีย หรือ SG. ของ Asian Forum of Parliamentarians on Population and Developmet (AFPPD) ซึ่งมีอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Fukuda เป็นประธาน ซึ่งผมถือว่าเป็นเกียรติที่สูงสุดอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ผมได้ประสบการณ์มากมาย เพราะในฐานะเลขาธิการผมต้องเดินทางไปเปิด บรรยาย ปิด การประชุมที่รัฐสภาของประเทศต่างๆ หลายสิบประเทศ (งบประมาณจากนอก) ได้มีโอกาสไปประเทศที่ปกติจะไม่ได้ไป เช่น Turkmenistan, Mongolia, Panama ฯลฯ เพราะท่านประธานมักไม่ (ค่อย) เดินทาง นอกจากนั้นผมยังเป็นกรรมาธิการสาธารณสุข และกรรมาธิการการกีฬา รวมทั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา ซึ่งได้มีโอกาสเขียน จัดพิมพ์ หนังสือวิทยาศาสตร์การกีฬาผสมผสาน เป็นครั้งแรกให้วุฒิสภา หลังจาก ปี พ.ศ. 2554 เมื่อพ้นวาระการเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว ผมยังได้รับเชิญให้เป็นอนุกรรมาธิการต่างๆ ในรัฐสภาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2554 - 2562 รวมทั้งในหน้าที่อาจารย์แพทย์นายกสมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหาร ประธานวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เลขาธิการแพทยสภา 4 ปี ได้มีโอกาสไปเยี่ยมแพทย์ บรรยายให้แพทย์ ประชาชน ฟังเกือบทั่วทุกจังหวัด โดยเฉพาะ3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 5 อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่มีปัญหาเรื่องความไม่สงบ ฯลฯ ทำให้ผมได้เรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ที่คนทั่วๆ ไป แพทย์ทั่วๆ ไป ไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะเรียนรู้ ในการทำงานทางด้านต่างๆ ทำให้ผม ที่ชอบอ่านอยู่แล้ว ต้องไปหาอะไรมาอ่านเพิ่มเติม ทำให้ได้รับทราบในสิ่งต่างๆ ยิ่งอ่านยิ่งแตกหน่อ เช่น อ่านเรื่อง Climate Change ก็ต้องไปหา Paris Agreement, COP24, UN Climate Change Annual Report 2018, Sendai Framework, Hyogo Framework, IPCC Special Report on GlobalWarming of 1.5 ํC ฯลฯ มาอ่านต่อ
จากประสบการณ์ต่างๆ ของผมเหล่านี้ ทำให้ผมโชคดี ได้รับทราบเรื่องต่างๆ เช่น Harm Reduction, Violence, Road Safety, Global Warming, Climate Change, Greenhouse Gases (GHGs) สังคมสูงอายุ Teenage Pregnancy, NCDs,Air Pollutiion, Millennium Development Goals (MDGs), Sustainable Development Goals (SDGs) การสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค, Universal Health Coverage (UHC หรือ UC)การเรียนการศึกษา ความยากจน ของคนไทย ซึ่งยังเป็นปัญหาอีกมากยกตัวอย่างเช่น ที่พิจิตร มีพระอาจารย์ที่มาเทศน์ให้สำนักงานยุวกาชาดทุกเดือน บอกบุญมาทุกปี ขอเชิญบริจาคให้ทุนเด็กที่ยากจน ปีละ 150 คน คนละเพียง 1,000 บาท เท่านั้น ค่าอาหารกลางวันโรงเรียนละ 5,000 บาทต่อปี 7 โรงเรียน ซึ่งเท่าที่ผมทราบ เฉพาะที่ 7 โรงเรียนต่างๆ เหล่านี้ ยังมีเด็กที่ยากจนอีกมาก นอกจากนั้นยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยกับคนจน คนรวยนอนหลับตื่นขึ้นมาก็จะรวยเพิ่มขึ้นอีกเป็นล้านเป็นแสนบาท แต่คนจนยิ่งจะจนลง ฉะนั้นการที่ประเทศไทยมี GDP ที่ดีขึ้น รายได้ของประชากรต่อหัวอาจดูไม่เลว แต่ที่เป็นอย่างนี้เพราะเอาเงินทั่วประเทศมาหารกับประชาชนทุกคน จึงทำให้ภาพรวมดีขึ้น แต่คนจนก็ยังมีมากอยู่ดี และโอกาสต่างๆ ในชีวิตก็ยังมีน้อยอย่างต่อเนื่อง
จากประสบการณ์ของผมทั้งหมดที่สะสมมาตลอดชีวิต รวมทั้ง 17 ปี ที่ได้มีชีวิตอยู่ในอังกฤษ ทำให้ผมมองเห็นภาพกว้างของประเทศได้มากพอสมควร เช่น ประเทศไทยยังขาดคนที่มีคุณภาพทั้งทางด้านความรู้ ความสามารถ การเรียนการศึกษา การเป็นคนดี มีเหตุผล มีวินัย เห็นแก่ส่วนรวม ทำตามกฎหมายบ้านเมืองโดยทั่วๆ ไปความรู้เรายังมีน้อย เช่น ผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ. 2560 จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ มีผู้ที่อ่านออกเขียนได้ เพียง 83.7%, ไม่มีการศึกษา 9.8%, ต่ำกว่าประถมศึกษา 68.7%, ประถมศึกษา 7.5%, มัธยมศึกษา/ปวส./ปวท./อนุปริญญา 8.6%, ปริญญาตรีและสูงกว่าเพียง 5.4% เท่านั้น ผู้สูงอายุ ในปี พ.ศ. 2560 ยังมีการออมน้อยมาก และถึงแม้มีอายุยืนยาวขึ้น แต่ก็เต็มไปด้วยโรค ฯลฯ
ผมจึงมีความเห็นว่า พวกเราทุกๆ คนต้องช่วยกัน ตั้งแต่ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม รัฐบาล เอกชน ทุกภาคส่วน ดารา คนดัง รัฐบาล ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิต การเปลี่ยนคนทั้งประเทศให้เป็นคนดี มีวินัย เก่ง ฯลฯ เป็นเรื่องยากที่ต้องใช้เวลานาน และต้องมีความร่วมมือของพวกเราทั้งประเทศเราต้องพัฒนาการศึกษาของเรา ระบบการศึกษา คุณครูอาจารย์ทั้งหลาย ให้มีคุณภาพระดับโลก คนจนต้องสามารถเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้อย่างแท้จริง โดยมีอาหารรับประทาน (ทั้งครอบครัว) มีค่าใช้จ่ายที่เพียงพอสำหรับการไปโรงเรียน เช่น ค่าเสื้อผ้า หนังสือ ค่าเดินทาง ค่าอาหารการกิน ฯลฯ
สำหรับผมปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ การศึกษา ความยากจน และความเหลื่อมล้ำ ถ้าเราแก้เรื่องการเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้จริง อีกหน่อยความยากจนจะค่อยๆ หายไป ทั้งนี้ ต้องมีการแนะนำการเรียนให้เป็นไปตามที่ตลาดต้องการด้วย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี