สำหรับการผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว หรือ family medicine,FM ผมว่าเป็นเรื่องใหญ่ ข้อมูลในปัจจุบันนี้จากแพทยสภา (มีนาคม 2564) พบว่ามีประเทศไทยมีแพทย์ทั้งหมดทุกสาขาที่ยังมีชีวิตอยู่ 63,811 คน หรือแพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,050 คนโดยเฉลี่ย (แต่บางคนเช่นผม อาจเกษียณและหรือไม่ได้ทำงานเป็นแพทย์แล้ว) แต่การกระจายของแพทย์ยังไม่ดี ยังกระจุกอยู่ใน กทม. ปริมณฑล และเมืองใหญ่ องค์การอนามัยโลกแนะว่า อย่างน้อยต้องมีแพทย์ 1 คนต่อประชากร 1,000 คน (แต่อังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย ฯลฯ มีมากกว่านี้มาก) ซึ่งจำนวนแพทย์ของเราใกล้เคียงแล้ว (แต่ในความเห็นของผมควรมีมากกว่านี้) และ WHO บอกว่าควรมีแพทย์ พยาบาล พยาบาลผดุงครรภ์ 4.5 คนต่อประชากร 1,000 คนเป็นอย่างต่ำ ซึ่งของเรายังมีน้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำนี้ สำหรับทางด้านแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวมีแพทย์ที่ได้รับหนังสืออนุมัติแล้ว 6,411 คน (มีช่วงหนึ่งที่แพทยสภาเปิดให้เข้าอบรม 2 วันแล้วมอบหนังสืออนุมัติให้) มีวุฒิบัตร (คือผู้ที่ผ่านการอบรมและสอบผ่านแล้ว) 1,141 คน และในปี 2563 มีแพทย์ประจำบ้านทางสาขานี้ที่เรียนตามโรงเรียนแพทย์ รพ.ศูนย์ ฯลฯ 172 คน มีแพทย์ใช้ทุน (จบแล้วเรียนเลย) 12 คน มีแพทย์ผู้ทำงานไปและถึงเวลาสอบ 245 คน โดยโครงการหลังนี้กระทรวงสาธารณสุขรับหมด รวมในปี 2563 มีแพทย์เรียนทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัว 429 คน
ฉะนั้นถ้าจำนวนแพทย์ที่เรียนแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวเป็นอย่างนี้ทุกปีไปอีก 9 ปี จะสามารถผลิตได้ 3,861 คน (429 คนต่อปี 9 คน) จากที่มีวุฒิบัตรอยู่แล้ว 1,141 คน รวมเป็น 5,002 คน ส่วนแพทย์ที่มีหนังสืออนุมัติ(โดยไม่ดูรายละเอียด)อาจนำมานับไม่ได้ เพราะมักเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาขาอื่นๆ แต่ช่วงนั้นแพทยสภาเปิดให้สมัครขอ อว.ได้ จึงไปสมัคร ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัว
จากประมาณการจะเห็นได้ว่าถ้าเป็นไปเท่านี้ทุกปีจะยังขาดแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวอีก 6,500-5,002 หรือ 1,498 คน แต่จำนวนนี้อาจไม่เป็นไปตามนี้ เพราะแพท์ยที่จบ พบ.ไปนานแล้ว และที่จะทำงานด้วยไปสอบด้วย น่าที่จะมีน้อยลงเรื่อยๆ ในแต่ละปี จึงอาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดคะเนไว้ แพทย์ที่จบใหม่ในแต่ละปีมีประมาณ 3,000 กว่าคนมีประชากรไทยเพิ่มปีละแสนคน คือ เกิด 6 แสน เสียชีวิต 5 แสน
และนี่คิดจากถ้าจะให้มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว เพียง 1 คนต่อ รพ.สต. 1 แห่งเท่านั้น ถ้าจะให้มี 2 คน หรือ 3 คน จะยิ่งขาดแพทย์มากยิ่งขึ้น
จากการที่ผมเป็นอาจารย์ ที่เคยไปเยี่ยม สอน ต่างจังหวัดทั้งแพทย์ และประชาชน ปีละ 10-20 ครั้ง มาหลายสิบปีไปเกือบครบทุกจังหวัด ไปเยี่ยมแพทย์ในฐานะอาจารย์ นายกแพทย์ระบบทางเดินอาหาร ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ เลขาธิการ แพทยสภา สมาชิกวุฒิสภา และกรรมาธิการสาธารณสุข ผมมีความเห็นว่า รพ.สต.ควรมีแพทย์อย่างน้อย 1 คนทุกวัน จะอยู่ตรงนี้หรือมาจากที่อื่นก็ได้ แต่อยากให้มีแพทย์ที่ รพ.สต.ทุกวัน
แต่ในปัจจุบันนี้หมอท่านใดต้องการจะไปอยู่ประจำที่ รพ.สต.บ้าง? ที่มีสถานะเป็นตำบล ที่ยังมีสวัสดิการต่างๆ เช่น เรื่องเงินเดือน ที่พัก โรงเรียนลูก ไม่ดีพอ นอกจากคุณหมอที่มาจากแถวๆ นั้น แต่ก็คงยังหาแพทย์แบบนี้ได้ยาก
ผมจึงมีความเห็นว่ารัฐบาลต้องคิดหาทางกระตุ้น สนับสนุน ให้แพทย์เลือกเรียนสาขานี้ มีตำแหน่งให้ และตอนแรกบรรจุแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวไว้ที่โรงพยาบาลทั่วไป หรือโรงพยาบาลชุมชน ผมอยากให้ขั้นแรกมีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 2 ตำแหน่งอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชนหรือโรงพยาบาลทั่วไป แล้วให้คุณหมอผลัดกันมาอยู่ที่ รพ.สต.คนละวัน มาที่โรงพยาบาลเดียวกันนี้ทุกวันที่จะต้องมา(ไม่ไปที่ รพ.สต.อื่น) ประชาชนจะได้ชิน รู้จักกับแพทย์คนนี้ ที่อยากให้ทำอย่างนี้เพราะถ้าคุณหมอมาประจำอยู่ที่ รพ.สต.ตลอดเวลาความรู้จะหายหมด อาจจะเบื่อที่ได้ดูแลแต่ระบบปฐมภูมิ แต่ถ้าอยู่ที่โรงพยาบาลชุมชน ทั่วไป แพทย์จะยังได้รับความรู้ใหม่ๆ จากเพื่อนๆ แพทย์ จะได้ดูผู้ป่วยที่หลากหลาย อาจมีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่เบื่อฯ
ต้องยกย่องให้เกียรติ Fam Med สำหรับผม FM คือ ผู้เชี่ยวชาญสาขาหนึ่ง ผมให้ความยอมรับ ยกย่องแพทย์สาขานี้
วงการแพทย์เองต้องยกย่องให้เกียรติแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว Fam Med หรือ FM ต้องมองแพทย์ FM ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาหนึ่ง ไม่มองเขาว่าด้อยกว่าสาขาอื่นเพราะเป็นแพทย์ทั่วๆ ไป ผมเองถือว่า FM มีความสำคัญมาก ยังมีแพทย์อีกหลายสาขาที่เรายังขาดมาก เช่น เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ฯลฯ แต่ไม่มีใครสนใจมาเรียน รัฐบาลมีหน้าที่หาข้อมูล กระตุ้น สนับสนุน ให้มีแพทย์ทุกสาขาอย่างเพียงพอ (และอาชีพอื่นๆ ด้วย) ไม่ใช่แต่เพียงให้ตำแหน่งเท่านั้น ผมถึงพูดเสมอว่า รัฐบาลควรมีคณะกรรมการแห่งชาติด้านกำลังคน เพื่อพิจารณาหาข้อมูลว่า 5-10-20 ปี เราขาดบุคลการทางด้านอะไรบ้าง แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัช วิศวกร สถาปนิก อาชีวะ ฯลฯ เราจะได้ผลิตพอดีๆ ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป
เราต้องยกย่องให้เกียรติแพทย์สาขา FM ให้เงินเดือนให้พอ เพื่อไม่ต้องไปหารายได้เสริม เพราะอยู่ในตำบลคงไม่มีใครที่ไหนให้ไปหาได้ ต้องดูแล FM ทางด้านความก้าวหน้าทุกด้าน รวมทั้งการถ่ายโอน รพ.สต. รพช. ไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่าเหมาะสมไหม ดีจริงไหม ถึงแม้มี พ.ร.บ.แล้ว ถ้าต้องย้าย ต้องดูแลเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้ดีแบบครบวงจร
รัฐบาล ต้องโดดลงมาเอาจริง ทำจริงทางด้านนี้ ไม่ใช่มีแต่ พ.ร.บ. เป็นกระดาษเปล่าๆ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี