วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วัคซีนป้องกันงูสวัด โรคงูสวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา ซอสเตอร์ ซึ่งเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดโรคสุกใสในเด็ก เชื้อนี้ไม่ได้หายไปภายหลังหายจากโรคสุกใสแต่ยังซ่อนอยู่ในปมเส้นประสาทของร่างกายโดยไม่มีอาการ เมื่อร่างกายอ่อนแอลง เชื้อไวรัสที่หลบซ่อนนี้จะทำให้เกิดโรคงูสวัดโดยการติดเชื้อตามแนวเส้นประสาท ทำให้ปวดแสบปวดร้อนตามผิวหนัง หลังจากนั้น 2-3 วันจึงเกิดผื่นแดง ตุ่มน้ำใสเป็นกลุ่มบริเวณผิวหนังตามแนวของเส้นประสาทด้านเดียว ต่อมาจะแตกออกเป็นแผล โดยทั่วไปอาการปวดและแผลจะหายใน 2-4 สัปดาห์ แต่บางรายมีอาการปวดตามแนวเส้นประสาทเป็นเวลาหลายเดือนหรือนานกว่า พบอุบัติการณ์ของโรคงูสวัดเพิ่มมากขึ้นชัดเจนในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี หรือมีภาวะที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำลง เช่น ติดเชื้อเอชไอวี ได้รับยากดภูมิคุ้มกันหรือได้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูงต่อเนื่อง ผู้ที่เคยเป็นโรคงูสวัดจะมีโอกาสเป็นงูสวัดซ้ำประมาณร้อยละ 6.2 และพบบ่อยในเพศหญิง
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคที่สำคัญคือ อาการปวดแสบร้อนตามผิวหนังนานหลายเดือนแม้ผื่นจะหายสนิทซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 10-30 และพบภาวะแทรกซ้อนนี้บ่อยและรุนแรงขึ้นในผู้สูงอายุ การเป็นงูสวัดบริเวณใบหน้าด้านบนอาจเกิดบาดแผลที่กระจกตา ตาอักเสบ ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงจากการติดเชื้อแพร่กระจาย เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ
วัคซีนป้องกันงูสวัดปัจจุบันมี 2 ชนิด ได้แก่
1) วัคซีนที่ทำจากโปรตีนของเชื้อ โดยการฉีด 1 เข็มเข้ากล้าม 2 ครั้ง ห่างกัน 2-6 เดือน แนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปโดยพบว่าสามารถลดการเกิดโรคงูสวัดได้ร้อยละ 97
2) วัคซีนที่ทำจากเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ โดยการฉีด 1 เข็มเข้าใต้ผิวหนัง แนะนำให้ฉีดในผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยพบว่าสามารถลดการเกิดโรคงูสวัดได้ร้อยละ 51 เนื่องจากเป็นวัคซีนเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์จึงห้ามฉีดในผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง เช่น กำลังได้รับยากดภูมิคุ้มกันขนาดสูง ติดเชื้อเอชไอวี ที่มีค่า CD 4 ต่ำมาก
สามารถฉีดวัคซีนป้องกันงูสวัดได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงประวัติการเป็นงูสวัดหรือโรคสุกใสมาก่อน ปัจจุบันยังไม่มีความจำเป็นในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น วัคซีนป้องกันงูสวัดสามารถให้ร่วมกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันนิวโมคอคคัสได้ในเวลาเดียวกัน ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนมักพบบริเวณที่ฉีด เช่น คัน แดง อาจมีไข้ต่ำๆ ได้ มักหายภายใน 2-3 วัน
วัคซีนป้องกันบาดทะยักและคอตีบ โรคบาดทะยักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่บาดแผลมักเกิดตามหลังการมีบาดแผลจากอุบัติเหตุ บาดแผลเรื้อรัง พบในผู้สูงอายุและมีอัตราตายสูง โรคคอตีบปัจจุบันพบน้อยมากในเด็กเล็กแต่กลับพบโรคคอตีบเพิ่มสูงขึ้นในผู้ใหญ่รวมทั้งอาจพบมีการระบาดของโรคคอตีบในบางพื้นที่ในประเทศไทย
การไม่ได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักและคอตีบ ฉีดแบบเข็มกระตุ้นในวัยผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ทำให้ภูมิคุ้มกันต่อโรคบาดทะยักและคอตีบลดต่ำลงในผู้สูงอายุทำให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทุก 10 ปี ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุน่าจะสามารถช่วยลดการเกิดโรคได้ดียิ่งขึ้น
แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทุก 10 ปีในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันโรคบาดทะยัก และคอตีบ (Td) อาจพิจารณาใช้วัคซีนรวมป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ และไอกรน (Tdap) 1 เข็มเข้ากล้ามเป็นเข็มกระตุ้นทุก 10 ปี แทนวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักและคอตีบ (Td) ได้
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : คลินิกเสริมภูมิคุ้มกันและอายุรศาสตร์การท่องเที่ยว, www.saovabha.org/service_saovabha/our-clinic เปิดทำการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. วันเสาร์-วันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 08.30-12.00 น. วันอาทิตย์-ปิดทำการ,โทร.02-2520161-4 ต่อ 82119 หรือ 82731Email : queensaovabha@hotmail.com
แหล่งข้อมูล : การฉีดวัคซีนป้องกันโรคสำหรับผู้สูงอายุ, สถานเสาวภา สภากาชาดไทย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์

ตอกหน้าฝรั่งดูแคลน! ประภาส เปิดอภินิหารคำว่า แล้ว พิสูจน์ความลึกซึ้งที่เหนือกว่า Tense
(คลิป) สื่อเขมร รายงานจริงครั้งแรก! ไทย ใช้ F-16 ทิ้งบอมปอยเปตพังท่องเที่ยวกัมพูชา
ปราชญ์ สามสี สดุดี จ่าเริง วีรบุรุษเนิน 350 ผู้ปกป้องแผ่นดินด้วยชีวิต
ทรัมป์ กร้าว ต้องการ กรีนแลนด์ เพื่อความมั่นคงของ สหรัฐฯ
เขมรกล่าวหาไทย ทิ้งระเบิด พ่นควันพิษ เป็น อาชญากรรมสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี