ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๖๐ จะมีการพระราชทานเพลิงศพคุณมงคล พึ่งไตรรัตน์ ที่วัดเครือวัลย์วรวิหาร ฝั่งธนบุรี เวลา ๑๗.๐๐ น.
คุณมงคล พึ่งไตรรัตน์ ทั้งชื่อและนามสกุลมีความเป็นมงคลสมชื่อและนามสกุล เป็นข้าราชการเก่าในกรมประชาสัมพันธ์ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด จึงไม่มีความก้าวหน้ายิ่งกว่าตำแหน่ง “นักประชาสัมพันธ์ ๘” ก่อนเกษียณอายุราชการ ที่สำคัญคุณพ่อของท่านคือ ท่านเรือง พึ่งไตรรัตน์ ที่มีตำแหน่งหัวหน้าหมวดเครื่องสูง กลองชนะ แผนกราชพิธี สำนักพระราชวัง หน้าที่สำคัญ ขอท่านผู้อ่านดูจากภาพที่หาดูได้ยากที่ผมขออัญเชิญมาณ บทความนี้ (ท่านเรือง พึ่งไตรรัตน์ ใส่หมวกทรงประพาสยอดเกี้ยวสีดำกำลังแบกเสลี่ยง) คุณมงคลมีความผูกพันกับ “วัดชิโนรส” แล้วยังมีความผูกพันกับ “วังนันทอุทยานหรือสวนนันทอุทยาน”
คุณมงคล พึ่งไตรรัตน์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับผมตั้งแต่ ม.๑ ถึง ๖ เป็นนักประวัติศาสตร์และมีบ้านอยู่ติดกับวังนันทอุทยาน ได้เขียนบทความ “ฟื้นความหลัง-ฝั่งคลองมอญ” เป็นบทความที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ลงในหนังสือ ๙๐ ปี ชิโนรสวิทยาลัย๑๑ ธันวาคม ๒๕๓๔
เป็นเรื่องการฟื้นความหลังวังนันทอุทยานและสวนนันทอุทยาน ซึ่งส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่คุณมงคลเล่าให้ฟังนี้ ก็ตรงกับการเล่าเรื่องราวแต่ครั้งก่อนในหนังสือเรื่อง “ในกำแพงแก้ว” ของท่านอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ผมจึงขออนุญาตนำสองเรื่องประวัติศาสตร์ที่น่ารู้มาเล่าต่อให้ท่านผู้อ่านได้มีความสุข เย็นใจ ดังนี้ ครับ
เริ่มต้น ท่านอาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ได้เล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า
“กลางดึกคืนวันหนึ่งที่สวนนันทอุทยาน ริมคลองมอญ ฝั่งธนบุรี ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเต็มทีแล้ว น้ำในคลองแห้งลงจนเกือบขอดคลอง เสียงฝีพายเรือเป็นจังหวะฝ่าผิวน้ำมาแต่ไกลจนมาถึงที่ปลายสะพานริมคลองที่จะพายลึกเข้าไปกว่านั้นอีกไม่ได้แล้ว เจ้านายพระองค์หนึ่งเสด็จขึ้นบก ทรงพระดำเนินไต่สะพานยาวไปตามริมคลองเพื่อกลับพระตำหนักในสวน ท่ามกลางความมืดและเงียบสงัดในที่นั้น ไม่มีใครทราบหรอกว่าอีกไม่กี่เดือนต่อมา เจ้านายพระชนมายุน้อยพระองค์นั้นจะได้เสด็จขึ้นผ่านพิภพเมืองไทย และทรงได้รับการยกย่องว่าทรงเป็นพระมหาบุรุษพระองค์หนึ่งของชาติ มีพระนามเรียกขานจนถึงบัดนี้ว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง”
ส่วนชื่อ “วังนันทอุทยาน” คุณมงคล พึ่งไตรรัตน์ เล่าให้ฟังไว้ดังนี้
ชื่อ “วังนันทอุทยาน” ได้ลืมเลือนกันไปหมดแล้วในปัจจุบัน ทั้งอาคารอันเป็นตัววังที่ตั้ง ตำหนักต่างๆ ก็สูญหายสลายสิ้นไปหมดแล้ว คนที่รู้จักชื่อ “วังนันทอุทยาน” ในขณะนี้ คงจะมีพวกที่อ่านประวัติศาสตร์ได้ผ่านหูผ่านตาเข้ามาบ้าง แต่ส่วนมากก็คงจะไม่รู้ว่าวังนี้อยู่แห่งใด มีความเป็นมาอย่างใด
วังนันทอุทยานอันกว้างขวางใหญ่โต มีชื่อเสียงติดอยู่ในพงศาวดารยุครัชกาลที่ ๔ และตอนต้นรัชสมัยรัชกาลที่ ๕ มีชื่อเสียงติดอยู่ในประวัติการศึกษาของชาติ มีฐานะเป็นโรงเรียนหลวงอันทันสมัยในสมัยนั้นและมีชื่อเสียงติดอยู่ในตำนานกองทัพเรือที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นโรงเรียนนายเรือแห่งราชนาวีไทย
กาลเวลาได้ผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอดีต ที่กล่าวกันว่าเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ปรากฏการณ์ในประวัติศาสตร์นั้นจะเป็นผู้บงการเหตุการณ์ปัจจุบัน และกำหนดทิศทางสำหรับอนาคตจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม การศึกษาเรื่องราวในอดีตอันเป็นประวัติศาสตร์ก็เป็นสิ่งที่น่าจะต้องเรียนรู้และควรจะต้องรู้
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้มีพระราชปรารภว่า ถ้าพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นครองราชสมบัติ บรรดาพระราชโอรสพระราชธิดา ตลอดจนเจ้าจอมมารดาทั้งหลาย ซึ่งอยู่ในพระบรมมหาราชวังอาจจะเกิดความลำบาก หรืออาจจะเป็นที่กีดขวางแก่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงมีพระราชดำริที่จะสร้าง “พระราชนิเวศน์” ในสถานที่อันไม่ห่างไกลจากพระบรมมหาราชวังมากนัก สำหรับไว้เป็นที่เสด็จประพาสและเตรียมไว้เป็นที่พำนักของพระราชโอรสและพระราชธิดาในการเมื่อพระองค์ได้สวรรคตแล้ว
พระองค์ได้ทรงมีพระราชคำนึงถึง “วัดชิโนรสาราม”ริมคลองมอญ ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสได้ทรงสถาปนาไว้ตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๓ ในระยะเดียวกันกับที่พระองค์ท่านได้ทรงสถาปนาวันบรมนิวาสเมื่อครั้งยังทรงเพศบรรพชิต
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความเคารพนับถือและระลึกถึงพระคุณในองค์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เป็นอย่างยิ่ง จึงอาจจะมีพระราชดำริให้มีให้พระราชนิเวศน์ในสถานที่ใกล้เคียงกับวัดชิโนรสารามแห่งนี้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานจัดซื้อที่สวนผลไม้ของราษฎรในคลองมอญฝั่งเหนือ บริเวณด้านตะวันออกและด้านเหนือของวัดชิโนรสาราม ด้านตะวันออกของพื้นที่ติดซอยเก่าแก่ที่มาจากบ้านช่างหล่อ (เดิมเรียกกันว่า “บ้านชาวเหนือ” เป็นช่างหล่อมาจากทางเหนือ กรมพระราชวังหลังทรงนำมาจากเมืองสวรรคโลก สุโขทัยตั้งแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑) ด้านตะวันออกเฉียงใต้ติดวัดพระยาทำ ด้านใต้ติดคลองมอญ ด้านเหนือติดคลองซึ่งแยกมาจากคลองบ้านขมิ้น ส่วนด้านตะวันตกติดกับคลองวัดครุธ (ซึ่งมาจากวัดอัมพวา คลองนี้เดิมเป็นคลองในสวนแต่น้ำใสสะอาด ต้นคลองลัดเลาะมาจากทางวัดยาง เข้ามาตามสวน แถววัดดงมูลเหล็ก ออกมาทางวัดอัมพวา มาออกที่คลองมอญระหว่างเขตวัดชิโนรสารามกับวัดครุธต่อกัน)
ครั้นถึงปี พุทธศักราช ๒๔๐๐ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค) เป็นนายงานดำเนินการสร้างพระราชวังขึ้นและได้พระราชทานนามวังนี้ไว้ก่อนว่า“วังนันทอุทยาน” บริเวณโดยรอบเป็นสวนเรียกว่า “สวนนันทอุทยาน”
ส่วนพระตำหนักใหญ่ที่ประทับ ตลอดบริเวณสวนนันทอุทยานทั้งหมดนั้นได้พระราชทานพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็น สมเด็จเพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ให้เป็นที่ประทับอยู่กับเจ้าจอมมารดาแพ (เป็นพระสนมเอก สมัยต่อมาเป็นเจ้าคุณพระประยูรวงศ์)
คุณมงคล พึ่งไตรรัตน์ ได้มีข้อสังเกตว่า สวนนันทอุทยาน ได้มีผู้เรียกผิดๆ กันเสมอมาว่า “สวนอนันต์” เรื่องนี้เป็นที่รำคาญพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่งโดยพระองค์ทรงเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์และทรงระมัดระวังการใช้ถ้อยคำมาก จึงได้หมายประกาศให้คนทั่วไปเรียก “สวนนันทอุทยาน” ให้ถูกโดยปรากฏในประกาศที่ ๓๑๔ ในภาคปกิณกะ มีใจความว่า
“ด้วยจมื่นจงซ้าย รับพระบรมราชโองการใส่เกล้าฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า ตั้งแต่นี้สืบไปเมื่อหน้า ห้ามมิให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยและชาวบ้านชาวเมือง และราษฎรข้างหน้าข้างใน ท้าวนางเรียก “สวนนันทอุทยาน” เป็น “อนันท” ให้เรียกว่า “สวนนันทอุทยาน”จงทุกหมู่ ทุกกรมอย่าให้ขาดได้นั้น ให้มหาดไทย กลาโหม กรมพระสัสดี หมายบอกให้รู้ จงทั่วอย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง”
แต่ว่า อนิจจาพระบรมราชโองการตามที่ได้ประกาศฉบับนี้ ชื่อ “สวนนันทอุทยาน” ก็ยังหาได้เรียกกันทั่วไปแต่อย่างไรไม่ ชาวบ้าน
ชาวเมือง ก็ยังเรียกกันว่า “สวนอนันต์” สืบมาจนทุกวันนี้ แม้แต่สมัยต่อมากระทรวงศึกษาธิการเองได้ไปสร้างโรงเรียนแถวๆ นี้ ก็ยังตั้งชื่อโรงเรียนว่า “โรงเรียนสวนอนันต์” มาจนถึงทุกวันนี้
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี