จากวันที่อัยการสหรัฐอเมริกาพบหลักฐานชัดเจนว่า มีนักธุรกิจอเมริกันจ่ายเงินสินบนให้นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) 65 ล้านบาท เพื่อแลกกับการได้รับจ้างจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯและงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอื่นๆ เป็นเวลา 4 ปี ซึ่งมีงบประมาณปีละ 180 ล้านบาทผ่านมากว่า 10 ปีกว่าจะถึงวันนี้ที่กฎหมายไทยพอจะทำอะไรผู้รับสินบนนั้นได้บ้างนั่นคือการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ประกาศยึดเงิน 60 ล้านบาทของอดีตผู้ว่าฯททท.ที่ฝากอยู่ตามธนาคารใน 5 ประเทศ ส่วนโทษทางอาญาต่อผู้กระทำผิด คงต้องใช้เวลาต่อสู้ในศาลต่อไปอีก
เมื่อนำเหตุการณ์ ตามวันเวลาต่างๆ ในขั้นตอน-v’การจัดการคดีนี้มาเรียงกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ผมจึงขอรวบรวมมาให้ได้เห็นกันชัดๆ เพื่อเป็นกรณีศึกษากันต่อไปดังนี้
7 ธ.ค. 2007 อัยการสหรัฐฯออกแถลงพบความผิดบริษัทอเมริกันจ่ายเงินสินบนให้ผู้ว่าฯ ททท.
19 ธ.ค. 2007 รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้ ททท.ตั้งกรรมการสอบสวนคดีสินบนททท.
20 ธ.ค. 2007 นางจุฑามาศ ศิริวรรณ ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อแผ่นดิน หลังจากมีข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกรับสินบน ททท.
ก.ย. 2009 ศาลประเทศสหรัฐอเมริกาตัดสินสองผัวเมียคือ นายเจอรัลด์และนางแพทริเซีย กรีน ว่ามีความผิดฐานจ่ายสินบนให้นางจุฑามาศ อดีตผู้ว่าฯ ททท.
ม.ค. 2010 อัยการสหรัฐฯในรัฐแคลิฟอร์เนีย ยื่นฟ้องนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าฯ ททท.
ม.ค. 2010 ดีเอสไอส่งคดีจุฑามาศคืนไปให้ ป.ป.ช.ทำ
พ.ค. 2010 ศ.ดร.เมธี ครองแก้ว ประธานคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีนางจุฑามาศ เดินทางไปพบอัยการของสหรัฐอเมริกา เพื่อประสานงานขอสำนวนคดีฯ
ส.ค. 2010 ศาลแขวงเมืองลอสแองเจลิสมีคำตัดสินลงโทษจำคุก นายเจอรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีนเป็นเวลา 1 ปี และปรับ 8 ล้านบาท ในความผิดข้อหาติดสินบนนางจุฑามาศ ศิริวรรณ
ส.ค. 2011 ป.ป.ช.มีมติส่งรายงานเอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับนางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าฯ ททท.
พ.ย. 2011 อัยการสูงสุดทักท้วงว่าสำนวนที่ ป.ป.ช. ทำส่งมายังไม่สมบูรณ์ และขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมทำสำนวนคดีระหว่าง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด
ธ.ค. 2012 กระทรวงต่างประเทศไทยแจ้งอัยการสหรัฐฯ ขอดำเนินคดีกับนางจุฑามาศเองในประเทศไทย
พ.ย. 2014 คณะทำงานร่วมระหว่างป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด สรุปสำนวนยื่นส่งฟ้องคดีต่อศาล
ส.ค. 2015 อัยการสูงสุดแจ้งพร้อมส่งฟ้องนาง จุฑามาศ ศิริวรรณ
พ.ย. 2015 นางจุฑามาศและลูกสาวจำเลยในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ขึ้นให้การต่อศาลอาญาเป็นครั้งแรก ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับสินบนและจัดการประมูลที่ไม่เป็นธรรม
มี.ค. 2017 ป.ป.ช. ประกาศยึดทรัพย์สินนางจุฑามาศและลูกสาว ด้วยข้อหาร่ำรวยผิดปกติตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.
คดีนางจุฑามาส อดีตผู้ว่าฯ ททท.รับสินบนบริษัทอเมริกันนี้ ศาลอเมริกาสามารถตัดสินลงโทษทั้งจำทั้งปรับผู้จ่ายสินบนได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่อีก 7 ปีไทยเพิ่งสามารถเอาผิดเพียงยึดทรัพย์ผู้รับสินบน สิ่งที่น่าสนใจมากกรณีนี้ก็คือ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยจะสามารถไปเรียกเอาเงินกลับคืนมาจากประเทศต่างๆ ที่ผู้ทุจริตคอร์รัปชันมักเอาไปฝากทิ้งไว้ในธนาคารต่างประเทศทั้งนี้เนื่องจากมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ให้มีความร่วมมือกันระหว่างประเทศต่างๆ เพื่อต่อต้านและปราบปรามผู้ทุจริตคดโกงในแต่ละประเทศ ไม่ให้หลบหนีไปเสวยสุขโดยแอบขนเงินหนีออกไปก่อน
ความร่วมมือระหว่างชาติที่สำคัญนี้ก็คือ อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการคอร์รัปชันแห่งสหประชาชาติ(UNCAC ; The United Nations Convention Against Corruption) ซึ่งนอกจากเรื่องการติดตามยึดทรัพย์ที่ถูกขนหนีไปต่างประเทศแล้ว ยังมีที่น่าสนใจอีกหลายประเด็น เช่น เรื่องอัตราโทษจำคุกที่ใช้บังคับกับผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับการคอร์รัปชัน นอกจากนี้การติดตามทรัพย์สินก็ยังได้รับการสนับสนุนจากโครงการ StAR อ่านว่า สตาร์ มาจากคำเต็มว่า Stolen Asset Recovery Assistance ซึ่งเป็นความร่วมมือของสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยสารเสพติดและอาชญากรรม (UNODC; The United Nations Office on Drugs and Crime) และ ธนาคารโลก (World Bank)
ในกรณีสินบน ททท.นี้ป.ป.ช.แถลงว่า ด้วยความร่วมมือจากนานาชาตินี้ประเทศไทยจะสามารถยึดเงินจำนวน 65 ล้านบาท คืนมาจากที่ซุกซ่อนไว้ในบัญชีต่างประเทศ 5 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ เกาะเจอร์ซีย์ และสวิตเซอร์แลนด์ นี่นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการต่อต้านการทุจริต เพราะจากการประชุมหารือของคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต(คตช.) ถึงวิธีนำเงินคอร์รัปชันที่ถูกนำหนีออกไปนอกประเทศกลับคืนมาพบว่า ถ้าสามารถใช้มาตรการนี้ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ประเทศไทยจะสามารถนำเงินคืนมาได้ไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
การทวงคืนเงินที่ผู้ทุจริตคดโกงชาตินำออกไปนอกประเทศกลับคืนมา อย่างเช่น สินบน ททท. นี้ นอกจากประเทศไทยจะได้เงินคืนกลับมาพัฒนาประเทศแล้ว ยังเป็นตัวอย่างให้ผู้คิดจะทุจริตคดโกงชาติได้รับรู้ว่า ต่อไปนี้จะไม่มีที่ใดในโลกที่สามารถนำเงินจากการทุจริตไปหลบซ่อนได้และจะไม่มีที่ใดในโลกนี้ที่จะหลบหลีกหนีไปเสวยสุขได้อีก สำหรับประชาชนต้องรับรู้รับทราบด้วยว่า เงินของรัฐเมื่อถูกทุจริตไปนั้น ไม่ใช่เพียงแต่สูญหายไปเท่านั้น แต่มีผลทำให้โครงการที่ดีๆ มีประโยชน์ต้องล้มเหลวไปทั้งหมดนี่ยังไม่รวมความเสีย ชื่อเสียหน้าของประเทศที่จัดงานได้แย่มากคราวนั้นด้วย
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี