ผมซาบซึ้งน้ำใจของลุงป้าน้าอา ที่สละที่นาเป็นที่รับน้ำจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน และ ดอยผาหมีเพื่อช่วย 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี

อย่างที่บอกว่าเหตุการณ์ที่ถ้ำหลวง มันสามารถถอดเป็นบทเรียนตำราเล่มใหญ่ให้กับประเทศไทยได้เป็นอย่างดี

ลุงป้าน้าอาชาวนาเหล่านี้คือฮีโร่ที่อาจไม่ค่อยมีสื่อให้ความสนใจ

ปกติเวลาเกิดภัยพิบัติอะไร เอะอะรัฐบาลก็มักจะหาเงินมาจ่ายเป็นค่าชดเชย ค่าเยียวยา เพราะเคยจ่ายเงินแล้วทุกอย่างจบ

มันเหมือนเอาเงินฟาดหัวชาวบ้าน และวิธีคิดของราชการคือใช้เงินแก้ปัญหา ยกตนเป็นอีกชนชั้นมีทัศนคติเห็นชาวบ้านเป็นแค่ ทาส

ฉะนั้นกรณีที่ ลุงป้าน้าอา ที่นาถูกน้ำท่วม ปฏิเสธรับเงินเยียวยาจากรัฐบาล จึงเป็นปรากฏการณ์ที่รัฐบาลและคนของราชการต้องสำเหนียกตนเอง เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนทัศนคติและมุมมองที่มีต่อชาวบ้านเสียใหม่

การเอาเงินฟาดหัวเนี่ยมันทำกันมาตั้งแต่นักการเมือง!!!!

ไม่เคยคิดเลยว่า ชาวบ้านเขามีจิตใจสูงส่ง มีจิตอาสา แม้นไม่ร่ำรวย แม้นมีกินวันต่อวัน แต่น้ำใจของชาวบ้านนั้นยิ่งใหญ่กว่าแผ่นดินที่ให้บรรดานักการเมืองซุกหัวนอน

เหตุการณ์นี้ผมว่ากำลังจะ เปลี่ยนประเทศ กำลังเป็น “บทเรียน” ให้ชาวบ้านทั่วประเทศได้เห็นว่า การ เสียสละเพื่อส่วนรวม นั้นมันยิ่งใหญ่กว่าการทำแล้วมี ค่าตอบแทน

เรื่องนี้ผมจึงอยากชี้ให้เห็นว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า (ถ้าลุงตู่ไม่เบี้ยว) พี่น้องคนไทยที่มีสิทธิเลือกตั้ง แสดงให้เห็นหน่อยนะครับว่า

เงินสกปรกของนักการเมืองซื้อสิทธิ์ของท่านไม่ได้!!!!!

เมื่อนักการเมืองเห็นว่า ทัศนคติของประชาชนที่มีต่อประชาธิปไตย เป็นอย่างไร นักการเมืองก็จะได้เปลี่ยนวิธีคิดใหม่ เขาจะได้รู้ว่า แค่ตั้งพรรคมีเงินไปซื้อสส.หัวละ 50-60 ล้านบาท แล้วจ่ายเงินให้อดีตสส.ไปซื้อเสียงจากชาวบ้าน

มันจะได้เลิกเสียที!!!!

เมื่อเงินไม่มีความหมายในการเลือกตั้ง เราจะได้สส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ และประชาธิปไตย ก็จะได้ถึงเวลาเป็นประชาธิปไตยของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน

ดูลุงป้าน้าอาที่ถ้ำหลวงเป็นตัวอย่าง