จนถึงวันนี้ ทอท.ก็ยังชี้แจงได้ไม่เคลียร์ เกี่ยวกับโครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ที่เตรียมจะเซ็นสัญญาจ้างออกแบบ... แบบที่คล้ายๆ กับงานสถาปัตยกรรมในประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
1.นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทอท.ได้เสนอแผนพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา แบ่งเป็น 3 โครงการ ประกอบไปด้วย ทางวิ่ง (รันเวย์) 3 ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ฝั่งตะวันตก และอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2
แสดงว่า โครงการอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ณ ทำเลที่ตั้งตรงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เป็นไปตามแผนผังแม่บทตรงนี้ ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของ สศช.เลย
อย่าลืมว่า ทอท. ไม่ใช่บริษัทธุรกิจทั่วไป ที่จะทำมาค้าขายหรือทำมาหากินอย่างไรก็ได้ แต่ภารกิจหลักในฐานะรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังถือหุ้นถึง 70% คือ การพัฒนางานสนามบินเพื่อรองรับการคมนาคมขนส่งทางอากาศของประเทศ จะต้องตอบโจทย์หลักตรงนี้ ซึ่งการจะตัดสินใจสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ที่ผิดไปจากแผนผังแม่บทเดิม ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่อาจกระทบต่อศักยภาพและความสามารถในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการบินของประเทศ ควรจะต้องผ่านการพิจารณาของ สศช.เสียก่อน
เวลานี้ ทอท.ยังไม่ควรด่วนไปลงนามจ้างออกแบบ ซึ่งจะทำให้ผูกพันว่า จะต้องจ่ายเงิน 329 ล้านบาท สำหรับแบบอาคารผู้โดยสารที่คล้ายกับงานสถาปัตยกรรมในต่างประเทศ
2.ทอท. ชี้แจงว่า โครงการลงทุน 3 โครงการนั้น มีมูลค่ารวมกว่า 7.26
หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น
โครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร 1 ฝั่งตะวันออก ที่จะถูกปรับเป็นฝั่งตะวันตก 6.6 พันล้านบาท
โครงการก่อสร้างรันเวย์ 3 วงเงินลงทุนราว 2.4 หมื่นล้านบาท
และโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 วงเงินลงทุน 4.2 หมื่นล้านบาท
ทอท.อธิบายว่า การตัดสินใจลงทุนอาคารผู้โดยสาร 2 เพื่อรับรองการเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่เกินขีดความสามารถอยู่ในปัจจุบัน จึงต้องเร่งนำมาลงทุนก่อน ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งในด้านลดความแออัดของผู้โดยสาร และเพิ่มความสะดวกในการเชื่อมต่อหลุมจอดประชิดอาคารด้วย
“ตั้งแต่เปิดสนามบินมา 12 ปี ทอท.โดนผู้โดยสารต่อว่ามาตลอด เช่น แออัด เดินไกล ห้องน้ำน้อย ทำไมต้องนั่งรถไปขึ้นเครื่องบิน (Bus Gate) ได้ขึ้นเครื่องบินผ่านประตูเทียบเครื่องบิน (งวงช้าง) น้อยมาก” นายเอนกกล่าว
ผู้บริหาร ทอท.รายนี้ ยังกล่าวว่า เทอร์มินอล 2 มีพื้นที่กว่า 3 แสนตารางเมตร อยู่ทางทิศเหนือของสนามบิน อาคารหลังนี้จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากขึ้น เพราะมีการเปลี่ยนลานจอดเครื่องบินระยะไกลเป็นประชิดอาคาร มี 14 หลุมจอด ผู้โดยสารเดินขึ้นเครื่องบินได้เลย ลดการใช้ Bus Gate และทำให้มีรถวิ่งในเขตการบินน้อยลง ช่วยลดอุบัติเหตุได้ นอกจากนี้ยังมีระบบขนส่งอัตโนมัติ (APM) ให้บริการเชื่อมต่อกับเทอร์มินัล ขณะเดียวกัน การลำเลียงกระเป๋าก็เร็วขึ้น ไม่ต้องรอให้รถมารับกระเป๋า รวมทั้งการรอตรวจคนเข้าเมืองก็ไม่ต้องรอนาน พร้อมกันนี้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยเฉพาะห้องน้ำก็จะเพิ่มมากขึ้นจากเทอร์มินัล 1 เป็นเท่าตัว
2.1 ประเด็นที่ ทอท.ไม่ชี้แจงแล้ว คือ เหตุใดไม่ขยายอาคารผู้โดยสาร 1 ฝั่งตะวันออก ตามแผนเดิม ทั้งๆ ที่ ได้มีการออกแบบไว้แล้วด้วย
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผอ. ทอท. เคยอ้างว่า การที่ไม่ขยายอาคารปีกตะวันออกและตะวันตกของอาคารผู้โดยสารหลังเดิม เนื่องจากจะมีปัญหาต่อบริการ เพราะต้องทุบกระจกเสียพื้นที่เคาน์เตอร์เช็คอินการบินไทย รวม 20-25%
ของอาคาร หากทุบทั้งปีกตะวันออกและตะวันตกของอาคารหลัก พื้นที่จะเหลือ 50% ป่วนแน่นอน
แต่หลังจากถูกรู้ทัน จากบรรดาสถาปนิกมืออาชีพว่า ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารเดิมนั้น ออกแบบแล้วเสร็จ พร้อมจะก่อสร้าง จ่ายค่าแบบไปแล้ว 148 ล้านบาท แบบที่ว่านี้ จะสร้างในส่วนที่ปัจจุบันเป็นสวนขนาดเท่าสนามฟุตบอลสองสนาม ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่ในผนังกระจกของตัวอาคารเลย ที่ว่าจะทำให้เสียพื้นที่รับผู้โดยสารไป 20% นั้น ก็อาจจะมีบ้างในช่วงที่อาคารแล้วเสร็จจะต้องรื้อผนังกระจกออกเพื่อให้พื้นที่เชื่อมต่อกัน ถามว่าตรงนี้จะกระทบกระเทือนผู้โดยสารกี่วัน หรือกี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วงานส่วนนี้ก็ทำในช่วงดึกที่ไม่มีผู้โดยสารก็ได้
ถึงตอนนี้ ทอท.ไม่อ้างเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว!!!
2.2 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ได้ให้ความเห็นว่า การที่ ทอท.จะก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ด้าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเทอร์มินัล 1 ซึ่งผิดไปจากตำแหน่งในแผนแม่บทที่ได้ระบุให้ก่อสร้างทางด้านใต้ของเทอร์มินัล 1 หรือทางฝั่งถนนบางนา-ตราด แม้จะมีพื้นที่ใช้สอยมากมายถึง 348,000 ตารางเมตรก็ตาม แต่การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 นั้นไม่ได้ทำให้หลุมจอดเครื่องบินเพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่าขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิก็จะไม่เพิ่มขึ้น
เวลานี้ สนามบินสุวรรณภูมิมีหลุมจอดเครื่องบินรวมทั้งหมด 124 หลุม ประกอบด้วย
(1) หลุมจอดประชิดอาคารหรือเทอร์มินัล 1 (Contact Gate) โดยมีสะพานเทียบเครื่องบินจำนวน 51 หลุม
(2) หลุมจอดระยะไกล (Remote Parking) ซึ่งผู้โดยสารต้องนั่งรถออกไปขึ้นเครื่องจำนวน 48 หลุม
(3) หลุมจอดสำหรับเครื่องบินขนส่งสินค้าจำนวน 20 หลุม
และ (4) หลุมจอดเครื่องบินที่รอการซ่อมบำรุงรักษาจำนวน 5 หลุม
ทอท.บอกว่า การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 จะมีหลุมจอดประชิดอาคารจำนวน 14 หลุม แต่หลุมจอดเหล่านี้เดิมใช้เป็นหลุมจอดเครื่องบินระยะไกล ด้วยเหตุนี้ จำนวนหลุมจอดจึงไม่เพิ่มขึ้น ยังคงมีเท่าเดิมคือ 124 หลุม ซึ่ง ทอท.ก็ได้ระบุไว้ในรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ในหน้าที่ 1-21 ถึงข้อเสียในการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 บนตำแหน่งดังกล่าวว่า “ไม่ได้เพิ่มจำนวนหลุมจอดอากาศยาน เนื่องจากหลุมจอดหน้าอาคารหลังใหม่เดิมเป็นหลุมจอดอากาศยานระยะไกลแบบค้างคืน” นั่นหมายความว่า ทอท.ได้ปรับเปลี่ยนการใช้หลุมจอดจากหลุมจอดระยะไกลจำนวน 14 หลุม เป็นหลุมจอดประชิดอาคารจำนวน 14 หลุม จึงทำให้จำนวนหลุมจอดมีเท่าเดิม ดังนั้น ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารของสนามบินสุวรรณภูมิในภาพรวมก็จะไม่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ การก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ให้มีพื้นที่ใช้สอยถึง 348,000 ตารางเมตร จะช่วยได้เพียงบรรเทาความแออัดของผู้โดยสารในเทอร์มินัล 1 เท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยทำให้ขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารของสนามบินเพิ่มขึ้น
ตามแผนแม่บทและแผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2554-2560) เดิมมีการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านตะวันออก ซึ่งมีวงเงินลงทุน 4,825.5 ล้านบาท เอาไว้ด้วย ทั้งนี้ ทอท.บอกว่าจะทำให้สนามบินสุวรรณภูมิมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 15 ล้านคนต่อปี ดังนั้น หากขยายเทอร์มินัล 1 ทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตกก็จะทำให้ขีดความสามารถเพิ่มขึ้น 30 ล้านคนต่อปี ซึ่งก็จะต้องใช้หลุมจอดของอาคารเทียบเครื่องบินรองช่วยด้วย (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) แต่น่าเสียดายที่ ทอท.ยกเลิกการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านตะวันออก ทั้งๆ ที่ ได้ออกแบบไว้เรียบร้อยแล้ว ทอท.อ้างว่าจะขยายด้านตะวันตกแทน แต่ทำไมจึงไม่ขยายทันทีในตอนนี้เลย และทำไมจึงยกเลิกการขยายด้านตะวันออก ซึ่ง ทอท.ไม่เคยชี้แจงประเด็นนี้เลย
ที่สำคัญ การยกเลิกการขยายเทอร์มินัล 1 ด้านตะวันออกนั้น ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 ซึ่งได้เห็นชอบให้ ทอท.ขยายเทอร์มินัล 1 ด้านตะวันออก
2.3 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ชี้ว่า เทอร์มินัล 2 จะมีหลุมจอดเครื่องบินประชิดอาคาร 14 หลุม ซึ่ง ทอท.คุยว่าจะรองรับผู้โดยสารได้ถึง 30 ล้านคนต่อปี แต่เห็นว่าเป็นไปไม่ได้แน่ หากไม่ใช้หลุมจอดของอาคารเทียบเครื่องบินรองช่วยด้วย
อย่างไรก็ตาม การใช้หลุมจอดของอาคารเทียบเครื่องบินรอง จะทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย เพราะจะต้องใช้บริการรถไฟฟ้าไร้คนขับ (Automated People Mover หรือเอพีเอ็ม) จากเทอร์มินัล 2 ไปสู่เทอร์มินัล 1 ซึ่งเป็นเอพีเอ็มลอยฟ้า ต่อจากนั้น จะต้องเปลี่ยนไปใช้เอพีเอ็มใต้ดินจากเทอร์มินัล 1 ไปสู่อาคารเทียบเครื่องบินรองเพื่อรอขึ้นเครื่องต่อไป
ในเมื่อเทอร์มินัล 2 ซึ่งมีวงเงินก่อสร้างถึง 42,084 ล้านบาท จะต้องใช้หลุมจอดของอาคารเทียบเครื่องบินรองช่วยด้วย เช่นเดียวกับการขยายเทอร์มินัล 1 ในขณะที่การขยายเทอร์มินัล 1 ออกไปทั้ง 2 ด้าน จะใช้เงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สนามบินมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้น 30 ล้านคนต่อปี และเป็นไปตามแผนแม่บท อีกทั้ง ผู้โดยสารที่ใช้เทอร์มินัล 1 จะได้รับความสะดวกมากกว่าการใช้เทอร์มินัล 2 เพราะใช้เอพีเอ็มใต้ดินเพียงสายเดียวเพื่อไปสู่อาคารเทียบเครื่องบินรอง ดังนั้น ทอท.ควรเลือกที่จะขยายเทอร์มินัล 1 ไม่ควรดื้อดึงที่จะสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บท หลังจากนั้นก็ควรสร้างเทอร์มินัล 2 ฝั่งถนนบางนา-ตราด ตามแผนแม่บทต่อไป
2.4 ขอสนับสนุนข้อเสนอแนะของ ดร.สามารถ ที่สรุปว่า การขยายเทอร์มินัล 1 ทั้งทางด้านตะวันออกและด้านตะวันตก จะมีข้อได้เปรียบกว่าการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ที่ผิดแผนแม่บท เพราะใช้เวลาสั้นกว่า, ใช้เงินน้อยกว่าถึงประมาณ 32,000 ล้านบาท และผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากกว่า เพราะใช้เอพีเอ็มใต้ดินเพียงสายเดียวเพื่อไปสู่อาคารเทียบเครื่องบิน ต่างกับการก่อสร้างเทอร์มินัล 2 ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย เพราะจะต้องใช้ทั้งเอพีเอ็มลอยฟ้าและเอพีเอ็มใต้ดิน
จึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.พิจารณาดังนี้
“1.ให้ ทอท.ขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ด้านตะวันออกและด้านตะวันตก แทนการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ซึ่งผิดแผนแม่บท
2.ให้ ทอท.สร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ฝั่งถนนบางนา-ตราด ตามแผนแม่บท
ทั้งหมดนี้ ผมไม่ต้องการให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อสนามบินสุวรรณภูมิอันเป็นที่รักของเราทุกคน”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี