ตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ จนแล้วจนรอด ก็มักจะมีผู้นำที่ทำการชั่วร้ายกันซ้ำซากอย่างไม่เข็ดหลาบกันเสียที ซึ่งก็น่าแปลกใจ ว่าเมื่อมีตำแหน่งและมีอำนาจแล้ว มนุษย์กลับหลงอำนาจแล้วก็ทำการร้ายกาจต่อลูกบ้าน และบ้านเมืองของตนจนเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งสุดท้ายก็ถูกโค่นล้มถูกประณาม รังเกียจเดียดฉันท์ สาปแช่ง ถูกลดเกียรติ ถูกลดศักดิ์ศรี ถูกขจัดความทรงจำ หรือถูกทำให้ไร้ค่า แล้วก็ถูกลงโทษ ชนิดบางคนตายไปแล้วยังถูกสังคมจองเวรจองกรรมอย่างไม่ลดราวาศอก ไม่มีสิ้นสุด เช่น ในกรณี ฮิตเลอร์ สตาลิน เลนิน มุสโสลินี นายพลฟรังโก โทโจเหมา เจ๋อ ตุง เจียงไคเช็ค เป็นต้น ก็ยังไม่สามารถทำให้ผู้ปกครองรุ่นหลังตระหนักที่จะไม่ดำเนินรอยตาม
ผู้นำบางคนอาจไม่ได้โหดร้ายเสียเอง แต่เมื่อปล่อยปละละเลย เฉยเมย หรืออาจให้ท้ายผู้อื่นกระทำการแบบมีนัยๆ อยู่ ก็ย่อมถือว่ามีส่วน ไม่สามารถพ้นเงื้อมมือความถูกต้องยุติธรรม
ซึ่งผู้นำเหล่านี้ มักจะยิ่งใหญ่มากในบ้านของตนเอง เรียกว่าไม่มีใครสามารถแตะต้องได้ ยกตัวอย่างประเทศใกล้ไทยหน่อยก็คือ ประธานาธิบดีดูเตอร์เต้ แห่งฟิลิปปินส์ ฉายาจอมโหดเรื่องฆ่าตัดตอนเพื่อปราบยาเสพติด หรือในตัวอย่างแบบหลังก็กรณีออง ซาน ซู จี ผู้นำสูงสุดของประเทศพม่า ในกรณีที่ไม่ยอมรับว่าชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮีนจา เป็นพลเมืองพม่า นอกจากนั้นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก จึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับการที่แม่ทัพนายกองพม่าดำเนินการฆ่าแกงแขกโรฮีนจาเป็นว่าเล่น
แต่อย่างไรก็ดี ทั้ง 2 คนไม่ได้มีอภิสิทธิ์นอกประเทศของตน เมื่อเข้าสู่เวทีโลกแล้ว กติกาสากล ซึ่งมีความรักหวงแหนความถูกต้องยุติธรรมเป็นหลัก
นั่นจึงทำให้รายงาน คดีเรื่องฆ่าตัดตอนยาเสพติดของฟิลิปปินส์ กำลังถูกทยอยส่งไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยองค์กรสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติก็กำลังดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้อยู่อย่างแข็งขัน
ในขณะที่กรณีเข่นฆ่าชาวโรฮีนจา โดยการสั่งการของ 6 นายพลพม่า ก็กำลังอยู่ในการพิจารณาเบื้องต้นของศาลอาญาโลก ว่าด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ บวกการกวาดล้างให้หมดไป (Ethnic Cleansing) ซึ่งคณะมนตรีว่าด้วยสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ก็มีมติตั้งคณะทำงานพิจารณารวบรวมหลักฐานเหตุการณ์ในพม่า เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งหมายความว่า ตัวรัฐบาลพม่าจะตกเป็นจำเลยร่วม ไม่ใช่เพียงแค่ 6 นายพลเท่านั้น
ขณะเดียวกัน รัฐสภาแคนาดาก็ได้ลงมติให้ถอดถอนความเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์แคนาดาของ ออง ซาน ซู จี ไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้น มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดก็ปลดรูป ออง ซาน ซู จี ลงจากกำแพงเกียรติยศ โดยเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการตัดสินใจของคณะกรรมการรางวัลสันติภาพโนเบล นอร์เวย์ ที่ยังยืนกรานการคงรางวัลสันติภาพไว้ให้กับ ออง ซาน ซู จี แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทนเสียงเรียกร้องของประชาคมโลกไปได้อีกนานเท่าใด
โดยส่วนตัว พวกเราชาวโลกทั้งหลายก็ทำได้อย่างมากก็แค่สะกิดเตือนสติผู้นำในอนาคตกันว่าถ้าอยากเป็นเผด็จการก็เป็นไป อยากจะใช้อำนาจบาตรใหญ่กับระชาชนพลเมืองก็ทำไป อยากทำตัวเป็นเจ้าของประเทศแต่ผู้เดียวก็ทำไป อยากใหญ่ในประเทศก็ใหญ่ไป แต่อย่าลืมว่า เมื่อหมดอำนาจเมื่อไร เรื่องที่กลบฝังไว้มันจะกลับมาเอาคืน แม้ตายไปแล้ว สังคมก็ยังจะมีการขุดคุ้ย และตามล้างแค้น ดูกรณีขุดกระดูกของนายพลฟรังโก กรณีการตัดสินใจทำลายอนุสาวรีย์รูปปั้นของเลนิน สตาลิน ฮิตเลอร์ ไปจนถึงเจียงไคเช็ค โดยประเทศไทยเราเองในวันนี้ หากใครคิดจะติดรูปจอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อเชิดชูเกียรติ อีกก็คงจะยาก ทั้งๆ ที่ในอดีตก็ไม่มีใครสามารถแตะต้อง จอมพลผู้นี้ได้ ซึ่งก็เป็นการสะท้อนให้เห็นว่าทิศทางโลกนั้น เขาไม่เอาด้วยกับเผด็จการทุกรูปแบบอีกแล้ว
ดังนั้น หลังจากนี้ หากใครคิดจะเป็นเผด็จการ หรือจะคิดสืบทอดอำนาจกันยาวๆ ก็ขอให้คิดกันให้ดีๆ เพราะการคัดค้านจากสังคมเสรีนั้นมีอยู่แน่นอน ทั้งในบ้าน และนอกบ้าน นอกจากนั้นมันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดังที่เห็นกันในประวัติศาสต์การเมืองต่างๆ ซึ่งก็คงไม่สายจนเกินไปหากจะถอนตัวไปแต่วันนี้
โดยเฉพาะการเป็นเผด็จการที่ไม่มีฝีไม้ลายมืออะไรเลยนั้น ยิ่งรังแต่จะทำลายประเทศชาติเพราะไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะมัวแต่สาละวนกับการใช้อำนาจเพื่อรักษาความมั่นคงของอำนาจตนเองเท่านั้น ผู้นำรัฐแบบนี้จึงมีแต่อำนาจดิบ และใช้อย่างดิบๆ ซึ่งไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันให้ประชาชนจับต้องได้แต่อย่างใดเลย ยิ่งอยู่นาน ก็ยิ่งแต่เพิ่มปัญหา และถ้ายิ่งอยากจะอยู่ต่อนานไปอีกเรื่อยๆ ก็เสมือนเป็นการบีบคั้นจิตใจชาวบ้านผู้รักเสรีประชาธิปไตย ให้รอวันปะทุจากภายใน
แต่ในฐานะเป็นเป็นคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีแล้ว อะไรจะสำคัญไปกว่า การถูกจารึกหลังจากหมดอำนาจไปแล้วว่า เป็นผู้ทำลายประเทศชาติให้เสียหาย และได้รับแต่เสียงก่นด่าสาปแช่งจากสังคม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี