ประเทศไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม มีประชากรภาคเกษตรกว่า 20 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 60 กว่าล้านคน เกษตรกรรมยังคงเป็นหัวใจสำคัญของฐานรากของประเทศ แต่ในช่วงนี้ก็มีเสียงเรียกร้องจากเกษตรกรหลายกลุ่มให้รัฐบาลหาทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน เกี่ยวกับราคาผลผลิตตกต่ำ อาทิ เกษตรกรสวนปาล์มน้ำมันชุมนุมหน้าศาลากลางจังหวัดกระบี่ เนื่องด้วยราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี ก่อนหน้านี้เกษตรกรสวนมะพร้าวที่ประสบปัญหาราคามะพร้าวตกต่ำลงถึงร้อยละ 70 จากปีก่อน เนื่องมาจากความผันผวนของผลผลิตซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และสถานการณ์ของตลาดทั้งในประเทศและตลาดส่งออก รวมไปถึงชาวสวนยางพาราที่เผชิญราคายางพาราที่ตกต่ำต่อเนื่อง ล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่รอการแก้ไขจากรัฐบาล
เช่นเดียวกับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบภาคเหนือและภาคอีสานที่เดินสายร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนจากการที่การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ตัดโควตารับซื้อใบยาลงถึงเกือบ 50% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากรัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่ทุกปีจนทำให้ราคาบุหรี่พุ่งสูงมากขณะที่ต้องแข่งขันกับบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ ยสท. ต้องลดปริมาณการผลิตบุหรี่และตัดโควตารับซื้อใบยาสูบอย่างกะทันหัน และในปี 2562 รัฐบาลจะขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่อีกเท่าตัวจาก 20% เป็น 40% พร้อมกับการเก็บภาษีบุหรี่อีก 2 บาทไปสมทบให้ระบบบัตรทองอีก
รัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่เก็บภาษีบุหรี่มากและถี่ที่สุดในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แต่สถิติผู้สูบบุหรี่กลับลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากร้อยละ 19.9 เหลือร้อยละ 19.1 โดยหากย้อนหลังกลับไปเมื่อต้นปี 2561 รัฐบาลเก็บภาษีบุหรี่ไปบำรุงกองทุนผู้สูงอายุ 2% และเมื่อปี 2560 ได้ขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่พร้อมทั้งเก็บภาษีเพื่อมหาดไทยจากบุหรี่อีก 10% จนทำให้ราคาบุหรี่พุ่งขึ้นร้อยละ 50 จนกระทบเกษตรกรชาวไร่ยาสูบอย่างรุนแรง และในปีหน้าก็จะขึ้นภาษีอีกรอบเป็น 40% ในที่สุดนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาให้กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางให้ความช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาใบยาสูบตกต่ำ โดยให้พิจารณาการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนหรืออาชีพอื่นที่เหมาะสมกว่า
น่าเสียดายที่รัฐบาลไม่เข้าใจปัญหาของชาวไร่ยาสูบเพราะปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เรื่องราคาใบยาตกต่ำแต่เป็นปัญหาเรื่องโควตาการรับซื้อจาก ยสท. ที่ลดลงครึ่งหนึ่งอันเนื่องมาจากการขึ้นภาษีบุหรี่อย่างต่อเนื่องและรุนแรง เมื่อชาวไร่ถูกลดโควตา รายได้รวมย่อมหายไปครึ่งหนึ่งโดยปริยาย แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลชาวไร่ต่างๆ โดยการส่งเสริมให้ปลูกพืชอื่นทดแทน หรือหาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาช่วยเหลือชาวไร่ซึ่งอาจเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด
สิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการกำลังทำลายวิถีชีวิตและบีบบังคับให้ชาวไร่ต้องหมดอาชีพโดยไม่มีทางเลือก ทั้งๆ ที่มีเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายทั้งเรื่องการขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลังและผลกระทบต่อชาวไร่ แต่รัฐบาลยังคงยืนยันที่จะขึ้นภาษีบุหรี่อีกระลอกใหญ่ในปีหน้าและเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายเก็บภาษีบุหรี่มาสบทบกองทุนบัตรทองซองละ 2 บาทต่อไป ซึ่งจะเป็นตัวเร่งสุดท้ายที่ทำให้ราคาบุหรี่ที่ถูกที่สุดของรัฐบาลพุ่งจาก 60 บาทไปเป็น 90 บาท ยสท. จึงต้องตัดโควตารับซื้อใบยา 50% และอาจงดการซื้อใบยาสูบไปอีกหลายปี ส่งผลกระทบจากปลายน้ำ กลางน้ำ ไปถึงต้นน้ำในขณะนี้
วิถีชีวิตของเกษตรกรนั้นสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า ปรับเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศในแต่ละพื้นที่ มิใช่คิดจะปลูกพืชอะไรหรือประกอบอาชีพอะไรก็ได้ตามใจชอบ รวมทั้งต้องศึกษาสภาพตลาดและความต้องการ ความรู้ความชำนาญของเกษตรกรด้วย มิใช่จะเปลี่ยนแปลงได้ง่ายในระยะเวลาอันสั้น รัฐบาลใดจะมีฐานรากที่มั่นคงในระบอบประชาธิปไตยได้ต้องดูแลเกษตรกร อย่าหักวิถีชีวิตของพวกเขา เพื่อให้ภาคเกษตรกรรมเข้มแข็ง เศรษฐกิจมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน หากเกษตรกรอยู่ได้ รัฐบาลก็อยู่ได้เช่นกัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี