คำถามที่ผมได้รับเป็นประจำจากเพื่อนต่างชาติในช่วงร่วม 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะอยู่ใน หรือนอกประเทศ ก็คือ “เมื่อไรประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง?” เสมือนเป็นคำถามสามัญประจำวันของคนไทยเมื่อพบปะกัน ก็มักจะถามว่า “กินข้าวแล้วหรือยัง?”
คำถามว่าด้วยการเลือกตั้งนี้ มีนัยหรือความหมายว่า “เมื่อไรสังคมไทยจะวกกลับสู่สังคมประชาธิปไตย?”หรืออีกนัยอีกแง่หนึ่งคือ “เมื่อไรฝ่ายกองทัพจะกลับเข้ากรมกอง เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเมืองเสียที?”
คำตอบของผมในทุกครั้ง มิใช่การคาดเดาวัน เวลา เดือน ปี หรือคาดเดาฝ่ายรัฐบาล เผด็จการ คสช. เพราะมิไม่ประสงค์จะเดาใจ หรือแสดงความคาดหวังในเรื่องการกลับสู่สังคมประชาธิปไตยอย่างรวดเร็ว หากแต่ผมได้ให้คำตอบเชิงชี้แจงผู้ถามกลับไปว่า
1. ฝ่ายรัฐบาล คสช. นั้นไม่รีบเร่งจะจัดการเลือกตั้ง เพราะอยู่ได้สบายดี จากการที่ไม่มีแรงกดดัน (Pressure) จากภายนอก เช่น ประเทศประชาธิปไตยตะวันตก นำโดยสหรัฐอเมริกา หรือโดยองค์การสหประชาชาติ (ซึ่งคำนึงถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน) และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีการกดดันจากภายใน คือปวงชนชาวไทย โดยเฉพาะชนชั้นกลางที่โดยปกติทั่วไปมักจะต่อต้านรัฐบาลทหาร แต่บัดนี้ ได้หันมาจงเกลียดจงชังฝ่ายการเมืองอาชีพโดยเฉพาะ มีทัศนคติที่ไม่ดีกับนักการเมืองว่าเต็มไปด้วยความสามานย์ต่างๆ นานา รวมทั้งการใช้อำนาจโดยมิชอบ และการไร้สัจจะผนวกด้วยการโกงกินหาประโยชน์เข้าตน เป็นปัจจัยในการยอมให้โอกาสกับฝ่ายกองทัพในการปฏิรูปการเมือง ฝากผีฝากไข้ และฝากความหวังต่อรัฐบาลทหารว่าจะวางรากฐานอนาคตประเทศที่ดีขึ้นไว้ให้
ในสถานการณ์นี้ ฝ่ายกองทัพในนามรัฐบาล คสช. ก็เลยสบายอกสบายใจ กล้าจะกินเวลาครองอำนาจไปได้เรื่อยๆ เรียกว่าอยู่ในเขตสุขสบาย (Comfort zone)
2. ฝ่ายรัฐบาลกองทัพ คสช. ก็มีเครื่องมือกฎหมายและอาวุธยุทโธปกรณ์เป็นตัวกดดัน ควบคุม ปราม ข่มขู่ ผู้ใดที่เห็นต่างและอยากเคลื่อนไหว เรียกร้องให้คืนประชาธิปไตย หรือมีสุ้มมีเสียงในการตรวจสอบการบริหารราชการเพื่อความโปร่งใส สุจริตและยุติธรรม ก็เลยทำให้การใช้สิทธิพลเมืองด้านเสรีภาพของการแสดงออกและร่วมเป็นเจ้าของประเทศมีวงจำกัดอย่างมาก
3. ในขณะเดียวกัน ฝ่ายเคลื่อนไหวต่างๆ ที่มีความคึกคักและแข็งแกร่งในการเรียกร้องธรรมาภิบาลในช่วง 10 ปีเศษที่ผ่านมา ก็อ่อนแรงกาย อ่อนทุนทรัพย์ อ่อนพลังจิตใจ แถมยังเผชิญกับคดีละเมิดกฎหมายความมั่นคงภายในต่างๆ ที่ฝ่ายรัฐบาลนั้นๆ ใช้เป็นเครื่องมือในการตีกรอบการเคลื่อนไหวเรียกร้อง การประท้วงต่างๆ
นอกจากนั้นแล้ว บรรดาแกนนำมวลชนบางส่วน ก็ได้แปลงสภาพตนเองจากนักเคลื่อนไหวเรียกร้องความถูกต้องชอบธรรมโดยไม่เห็นแก่ได้ จากผู้ที่มิต้องการตำแหน่งหรือมีอำนาจรัฐ ไปเป็นผู้แสวงหาอำนาจเสียแล้ว เพราะทนกลิ่นยวนใจของอำนาจการเมืองในรูปแบบไม่ได้ โดยบ้างก็ออกไปตั้งพรรคการเมือง หรือไปสยบให้กับรัฐบาลทหารเพื่อจะได้ตำแหน่งการเมืองกันเป็นแถวๆ ลืมอุดมการณ์ ลืมจุดยืน ลืมเพื่อนร่วมงานกันไป
ดัวยเหตุนี้ ฝ่ายรัฐบาลกองทัพ คสช. ก็เลยลดความกังวลใจเรื่องของการเคลื่อนไหวต่างๆ ที่จะมาสร้างความท้าทาย หรือสร้างความหงุดหงิดของอารมณ์
4. ส่วนบรรดานักการเมืองอาชีพและพรรคการเมืองก็สาละวนอยู่กับการฟอร์มตัว แล้วหาหนทางเข้าร่วมในรัฐบาลผสมทหารนำพาในอนาคต ก็ไม่อยากขัดคอขัดใจฝ่ายกองทัพ คสช. ซึ่งกำลังฟักไข่พรรคการเมืองของตนเอง พร้อมกับสร้างฐาน สร้างเครือข่ายทางการเมืองไปในตัว
5. ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ฝ่ายกองทัพ คสช. ได้เขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกต่างๆ เพื่อการคงอยู่ในอำนาจต่อไป และนอกจากจะมีฐานเสียง 250 คน ในวุฒิสภาแล้ว ก็ได้ใช้เวลาสร้างฐานในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็ค่อยทำต่อไปอย่างไม่เร่งรีบ ซึ่งเมื่อพร้อมและแน่ใจว่าจะมีพลังเสียงข้างมากแล้ว ก็ถึงจะได้ประกาศเรื่องเวลาเลือกตั้งที่แน่นอน
6. การนี้ก็เท่ากับว่าฝ่ายรัฐบาลกองทัพ คสช. ก็ไม่ต้องเร่งรีบคืนประชาธิปไตยแต่อย่างใด และตระหนักว่ายังอยู่ในฐานะที่จะเลื่อนกำหนดวันเลือกตั้งไปได้อีก หากจำเป็น เมื่อมีเหตุการณ์ให้เปิดช่อง หรือมีช่องทางที่จะคงอำนาจในรูปแบบเดิมไว้ เพราะแรงกดดันน้อยมาก การอ้างแม่น้ำทั้ง 5 ว่ายังต้องเลื่อนการเลือกตั้งอีกก็ดูจะไม่ยากเย็น นอกจากนั้น ก็สามารถใช้โครงการประชานิยมต่างๆ เป็นเครื่องล่อใจ และซื้อเวลาต่อไปได้
สรุปได้ว่า ในการเมืองไทยวันนี้ ฝ่ายกองทัพรัฐบาล คสช. นั้นอยู่ในฐานะที่ควบคุมสถานการณ์ได้เบ็ดเสร็จ และเป็นผู้กำหนดทิศทางประเทศเอง
ฝ่ายกองทัพรัฐบาล คสช. ดูอยู่เหนือฟ้า อยู่ค้ำฟ้า และเพลิดเพลินกับอำนาจวาสนา เป็นเผด็จการการเมืองก็ได้ เป็นเผด็จการรัฐสภาก็ได้ น่าทึ่งจริง
ด้วยที่กล่าวมาทั้งหมด ทำให้ผมไม่เคยกล้าจะตอบใครๆ แบบระบุวันเวลา ให้กับคำถามที่ว่า “เมื่อไหร่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้ง?”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี