พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คงพกอารมณ์ขุ่นมัวมาจากการเยือนเยอรมนี พอกลับมาถึงบ้านถูกนักข่าวเซ้าซี้เรื่องที่นักการเมืองโวยวาย ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แบ่งเขตเลือกตั้งเข้าข้างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลุงตู่ถึงกับฟิวส์ขาดสบถออกมาว่า “จะตายห่ากันหมดหรือไง...” อาการนอตหลุดบอกถึงวุฒิภาวะและความรู้สึกเอือมระอากับสื่อไร้สาระและนักการเมืองที่ไร้วุฒิภาวะ
นักการเมืองที่โวยวายว่า กกต. แบ่งเขตเลือกตั้งเข้าข้าง พปชร. ที่เชื่อกันว่าเป็นพรรคตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯหลังจากเลือกตั้ง ที่คาดหมายว่าจะมีขึ้นต้นปีหน้า เสียงโวยวายและข้อกล่าวหาบอกถึงวุฒิภาวะของนักการเมือง ที่ไม่สำเหนียกว่า 7 ปีที่ผ่านมาสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ประกอบกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ลดเขตเลือกตั้งจาก 375 เหลือ 350 เขต ไม่ได้สำเหนียกว่าการแบ่งเขตใหม่ ได้เตรียมการมาก่อนที่จะมีพรรค พปชร. และไม่สำเหนียกว่า พปชร. ที่ดูดนักการเมืองมาจากพรรคร้อยพ่อพันแม่ มีปัญหาเขตอิทธิพลทับซ้อนจนจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว
นักการเมืองน้ำดีมีคุณภาพ เป็นที่รักศรัทธาของประชาชน แบ่งทั้งจังหวัดหรือทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้งเดียวก็ชนะเลือกตั้งได้ ในอดีตก่อนมีรัฐธรรมนูญปี 2540 การเลือกตั้งทั้งจังหวัดเป็นเขตเดียว และในยุครัฐบาลทหารมีอิทธิพลเหนือข้าราชการทั่วประเทศ นักการเมืองน้ำดีมีคุณธรรมอย่างนายชวน หลีกภัย ลูกแม่ค้าขายพุงปลายังชนะเลือกตั้งได้ ดังนั้นผู้ที่โวยวายน่าจะเป็นพวกไต่เต้าขึ้นมาจากนักการเมืองท้องถิ่น ที่มีอิทธิพลในเขตใดเขตหนึ่ง หรือไม่ก็พวกนักซื้อเสียงที่เดินสายตกเขียวไว้ล่วงหน้า พอเขตเลือกตั้งเปลี่ยนไปก็โวยวาย
อยากให้สติลุงตู่ ว่าเสียงโวยวายแบ่งเขตยังพอทนได้ แต่หลังเลือกตั้งถึงเวลาที่เรียกว่า “แบ่งเค้ก” หรือการจัดสรรตำแหน่งทางการเมือง ที่ผู้นำรัฐบาลต้องเผชิญกับแรงกดดัน เงื่อนไขต่อรอง จากนักการเมืองเขี้ยวแตกลายงา ที่มารวมกันเป็นรัฐบาลผสม ถึงวันนั้นจะเข้าใจว่าทำไมอดีตประธานสภาฯมีสมญานาม “โค้วตงหมง” ถึงหลุดคำว่า “ยุ่งตายห่า..” ถึงตอนนั้นลุงตู่ จะสบถว่า “จะตายห่ากันหมดหรือไง กับไอ้ตำแหน่งไร้สาระ...” ก็ไม่ว่ากัน
ถ้ามีเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 เชื่อว่าไม่มีพรรคไหนได้เสียงมากพอจัดตั้งรัฐบาล จำเป็นต้องตั้งรัฐบาลผสม จากพรรคการเมืองที่เรียกกันว่าสามก๊ก คือก๊ก พปชร. กับ แนวร่วม ก๊กพรรคเพื่อไทยและเครือข่าย และก๊กประชาธิปัตย์กับพรรคขนาดกลาง
วันนี้พรรคการเมือง และโพลล์สำนักต่างๆ ประเมินว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคในเครือข่ายจะได้สส. รวมกัน 250 เสียง บวก ลบ พปชร. จะได้สส. 160 บวก ลบ ประชาธิปัตย์ได้สส. 120 บวกลบ พรรคภูมิใจไทยได้ 70 บวก ลบ แต่ถ้ามองการเมืองจากภูมิหลังและความเป็นจริงวันนี้ เห็นจะมีแต่พรรค ปชป. กับพรรคภูมิใจไทย ที่จะได้ สส.จริงหรือใกล้เคียงที่ประเมินไว้มากที่สุด ส่วน พปชร. กับ พท. รวมกับพรรคเครือข่ายได้ สส.ถึงครึ่งหนึ่งของที่คุยโวไว้ นับว่าเกินความคาดหมายแล้ว
ถึงจุดนี้ ก็ต้องชี้ให้เห็นความเป็นจริงวันนี้ ว่าแต่และพรรคมีฐานการเมืองที่มั่นคงหรือกลวงโหว่อย่างไร พท.เลือกตั้ง 2554 ได้สส. 260 คน เป็นสส. เขต 204 คน ปชป. ได้ 160 คน จาก 22 พ.ค. 2557 ถึงวันนี้ อดีตสส. พท. ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเพราะศาลตัดสินจำคุก ในข้อหาคอร์รัปชั่น หมิ่นพระบรมเดชานุภาพฯ และความผิดอื่นๆ รวม 35 คน หนีไปต่างประเทศ 8 คน เสียชีวิต 2 คน ย้ายไปอยู่ พปชร. 40 คน แยกไปตั้งพรรคสาขาและย้ายไปอยู่พรรคอื่นๆ รวมทั้งหมด 107 คน
เมื่อรวมกันทั้งหมด พท. เสีย สส.ที่เคยได้จากเลือกตั้งที่ผ่านมาไปถึง 192 คน ที่สำคัญคือ สส.เขตที่เคยเป็นแม่เหล็กที่ช่วยดึงคะแนนสส. บัญชีรายชื่อ ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจำนวนมาก ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค อาทิในกรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ สุรินทร์ นครสวรรค์ ร้อยเอ็ด อุดรธานี เชียงราย และอีกหลายจังหวัด แม้แต่แกนนำสำคัญ เช่น อดีตนายกฯ อดีต รมว.มหาดไทย และอดีตประธานสภาฯ ก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เมื่อเห็นตัวเลขนี้แล้วคิดดูสิว่าเพื่อไทยและเครือข่าย จะหาคะแนนจากไหนได้เกินครึ่งของที่คุยโม้ไว้
ส่วน พปชร. ที่ดูดสส. ไม่เลือกหน้ามาจากพรรคร้อยพ่อพันแม่ โดยเฉพาะอดีตสส. ที่เคยอยู่กับทักษิณตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชนถึง 107 คน มาจากพรรคเพื่อไทย 40 คน จาก ปชป. และพรรคอื่นๆ 33 คน จากอดีต กปปส. 15 คน ที่เหลือเป็น รมว. ในรัฐบาล คสช. กับพวกนักวิชาการเฮไหนเฮนั้น ดังนั้นสมาชิกพรรค พปชร. ที่เป็นแคนดิเดตสมัครสส. มีเกิน 500 คน ที่สำคัญพวกที่ย้ายเข้ามาล้วนเป็นขาใหญ่ที่อยากลงเขตไหนต้องได้ดังใจ การแย่งพื้นที่ลงสมัครเลือกตั้งจึงต้องวุ่นวายจนถึงขั้นต้องสบถว่า “จะตายห่ากันหมดหรือไง...” พปชร. ที่คุยโวว่าจะได้ สส. ถึง 160 คน ทำนายว่าได้ครึ่งหนึ่งที่คุยโม้ไว้ก็เป็นบุญหัวเฮียกวงแล้ว โดยเฉพาะอดีตสส. ที่ย้ายมาจากเพื่อไทยไม่น่าจะได้ สส. เขตเกิน 12 คน ส่วนสส.บัญชีรายชื่อตามรัฐธรรมนูญใหม่แทบไม่มีความหมาย
ดูพื้นฐานคะแนนเสียงจากก๊ก พปชร. และ ก๊กเพื่อไทยแล้ว คราวนี้มาดูพื้นฐานของประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย ปชป. ได้สส. 160 คน จากเลือกตั้งปี 2554 ในจำนวนนี้เป็น สส. เขต 115 คน ปชป. ประเมินว่าเลือกตั้งปีหน้าจะได้ สส. 120 คน บวก ลบ เป็นการประเมินที่เป็นไปได้มากที่สุด ถ้าดูจากประวัติการเลือกตั้งในสี่ทศวรรษที่ผ่านมา กล่าวคือหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2517 ที่มีสส. เพียง 326 คน ไม่มีสส.บัญชีรายชื่อ เลือกตั้ง 2518 ปชป. มาอันดับหนึ่งได้สส. 72 คน เลือกตั้งปี 2519 ปชป. ได้อันดับหนึ่ง 114 คน ตัดฉากจาก รธน. 2517 เลิกใช้ เริ่มใหม่ที่รัฐธรรมนูญปฏิรูปในการเลือกตั้งปี 2544 มี สส. เขตและปาร์ตี้ลิสต์รวมกันเป็น 500 คน
เลือกตั้งปี 2544 ปชป. ได้สส. เขต 90 คน เลือกตั้ง 2548 ปชป. ได้สส. เขต 96 คน เลือกตั้ง 2550 ปชป. ได้สส.เขต 127 คน เลือกตั้ง 2554 ปชป. ได้สส.เขต 116 คน จะเห็นว่าฐานคะแนนสส. เขตของ ปชป. สวิงอยู่ที่ 100 บวก ลบ ดังนั้นพรรคประเมินว่าจะได้ สส. 120 คน บวก ลบ จึงไม่ผิดจากความจริง โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ใช้ สส.เขตเป็นสำคัญ ผลกระทบที่มีต่อ ปชป. จึงน้อยกว่าพรรคอื่นๆ
ที่น่าจับตามองในการเลือกตั้งครั้งนี้คือพรรคภูมิใจไทย ที่โพลล์ทั่วไปประเมินว่าได้ประมาณ 40 เสียง แต่พรรคเองประเมินว่าจะได้สส. 70 คน บวก ลบ ภูมิใจไทย ได้ สส. 27 คน จากการเลือกตั้ง 2554 แต่ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตแกนนำกลุ่ม 16 และผู้นำด้านกีฬาและพัฒนาจังหวัดบุรีรัมย์ จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเป็นแบ๊กอัพตัวสำคัญ ชื่อเสียงบารมีของนายเนวิน ประกอบกับกระสุนดินดำ ที่ทะลักเข้ามาจากหลายสาขา พื้นที่อีสานจึงไม่ใช่เขตสัมปทานของทุนสามานย์ปล้นชาติอีกต่อไป 70 เสียงของภูมิใจไทยจึงไม่เกินความสามารถของบิ๊กเน
อีสานมี สส. มากที่สุดถึง 120 คน จะถูกแบ่งเป็นของ พท. ภท. พปชร. และ ปชป. โดยที่ไม่มีพรรคไหนได้เสียงส่วนมาก ภาคเหนือเพื่อไทยก็อาจถูกแบ่งไปหลายเขต ภาคกลางแบ่งกันหลายพรรคไม่มีใครได้เสียงส่วนใหญ่ ส่วน กทม. กับภาคใต้ส่วนใหญ่ยังไว้ใจ ปชป. ส่วนพรรคเล็ก พรรคน้อย และพรรคสาขาจะไม่มีพรรคไหนได้สส.เกินสิบคน
ในเมื่อไม่มีพรรคไหนได้เสียงข้างมาก แน่นอนหลังจากเลือกตั้งต้องมีการแบ่งเค้กกันวุ่นวายในพรรคร่วมรัฐบาล เป็นไปได้ที่ พปชร. แม้ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นที่หนึ่งแต่อาจชูลุงตู่ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลผสม แล้วดึงพรรคภูมิใจไทยมาร่วม หรือไม่ ปชป. เป็นแกนนำแล้วดึงภูมิใจไทยและพรรคขนาดกลางอื่นๆ มาร่วมรัฐบาล แต่ไม่ว่าพรรคไหนเป็นแกนนำรัฐบาลผสม การแบ่งเค้กแบ่งตำแหน่งทางการเมืองจะวุ่นวายดังที่ท่าน โค้วตงหมง อุทานว่า “ยุ่งตายห่า” หรือไม่ก็โพล่งออกมาว่า “จะตายห่ากันหมดหรือไงกับไอ้ตำแหน่งไร้สาระ” จึงพูดได้ว่าแบ่งเขตเลือกตั้งแม้มีเสียงโวยวายก็ไม่อันตรายเท่าตอนแบ่งเค้ก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี