ลัทธิสังคมนิยม ได้แก่ การจัดระบบสังคมด้วยการให้คนแต่ละคนได้พัฒนาสมรรถภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ในเวลาเดียวกันก็เสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชนส่งเสริมเสรีภาพและความเท่าเทียมกันของประชาชนในสังคม หลักการสำคัญของลัทธิสังคมนิยมเป็นเรื่องของเสรีภาพในการเคลื่อนไหวต่อต้านระบบเผด็จการทุกรูปแบบรวมทั้งสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยแต่ปฏิเสธความแตกต่างในเรื่องชนชั้น ส่งเสริมให้ทุกคนได้รับโอกาสในการศึกษา ส่งเสริมการทำให้สังคมเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง ทั้งในด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้แก่ ทำลายข้อจำกัดในเรื่องเสรีภาพในการพัฒนาและโอกาสแก่ประชาชนที่จะมีความเป็นอยู่เท่ากันทุกคนในสังคม
ลัทธิสังคมนิยมที่เจริญงอกงามในประเทศกลุ่มสแกนดิเนียเวียโดยประเทศเหล่านี้ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสมทุนนิยมกับการเมืองแบบสังคมนิยม ซึ่งระบบนี้มีหลักการดังนี้
1.ไม่ใช้วิธีการระบบชนชั้น แต่ใช้วิธีการร่วมมือกันระหว่างชนชั้น
2.ใช้ระบบสังคมนิยมในทางการเมืองและระบบทุนนิยมในทางเศรษฐกิจ
หลักการดังกล่าวข้างต้นมีองค์ประกอบสำคัญ 6 ประการ คือ
1.ใช้วิธีการสวัสดิการในอุตสาหกรรม ได้แก่ รัฐให้กู้ยืมแก่กิจการอุตสาหกรรมเพื่อสนับสนุนการลงทุน รวมทั้งให้เงินอุดหนุนแก่อุตสาหกรรมในบางท้องที่และในกรณีเกิดเศรษฐกิจตกต่ำรัฐจะเข้าอุ้มกิจการที่มีปัญหา
2.ให้ความมั่นคงในการทำงาน ส่งเสริมให้เจ้าของกิจการและช่วยเรื่องตลาดแรงงานในการพัฒนาฝีมือแรงงานในรูปแบบต่างๆ
3.หลักการของลัทธิสังคมนิยมถือว่าสังคมเป็นเจ้าของกิจการ ฉะนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มีส่วนร่วมในกิจการโดยกำหนดให้มีผู้แทนของรัฐเป็นกรรมการในกิจการขนาดใหญ่และธนาคาร รวมทั้งให้ลูกจ้างมีส่วนร่วมในการบริหารและมีผู้แทนอยู่ในการบริการกิจการด้วย
4.นโยบายค่าแรงงานและภาษีอากรต้องกำหนดขึ้นเพื่อประโยชน์ของผู้ด้อยในทางเศรษฐกิจ รวมทั้งแก้ไขปัญหาความยากจน
5.สร้างความเท่าเทียมในโอกาสของประชาชนทุกคนด้วยการสนับสนุนให้ประชาชนทุกคนได้รับการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงมหาวิทยาลัย นโยบายการศึกษามุ่งหมายเลิกล้มระบบชนชั้นในทางเศรษฐกิจ ไม่มีความแตกต่างในเรื่องเพศและความแตกต่างในเรื่องความเฉลียวฉลาด
6.ในเรื่องสวัสดิการสังคม จัดสรรความมั่นคงในชีวิตโดยจัดให้มีโครงการบำนาญที่เพียงพอ การรักษาพยาบาลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ให้เงินเลี้ยงชีพ ฯลฯ เป็นต้น
นอกจากนี้ ในเรื่องเศรษฐกิจปล่อยให้มีการแข็งขันโดยเสรี ได้แก่ กิจการอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นของเอกชน แต่พยายามสร้างกติกาให้เกิดการแข่งขันให้เท่าเทียมกันมากที่สุด จัดระบบภาษีก้าวหน้าเพื่อลดความแตกต่างระหว่างรายได้ของประชาชน แต่เพื่อส่งเสริมการเติมโตของเศรษฐกิจ รัฐอนุญาตให้นำผลกำไรกลับมาลงทุนโดยไม่เสียภาษี ฯลฯ เป็นต้น ควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศ ผลทำให้คนชั้นกลางในทางเศรษฐกิจจัดเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ
จากนโยบายดังกล่าวทำให้การรวมกลุ่มของประชาชนเกิดขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตน เช่น กลุ่มนายจ้าง กลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มวิชาชีพ ฯลฯ เป็นต้น ผลจากการรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มก่อให้เกิด “รัฐสวัสดิการ” ซึ่งนำมาใช้ดำเนินการบริหารประเทศโดยมีจุดมุ่งหมายไปสู่นโยบาย “เฉลี่ยสุข” สร้างหลักประกันความมั่นคงในทางสังคม
สรุปรวมความว่า แนวทางของลัทธิสังคมนิยมประชาธิปไตย คือ สร้างประเทศให้เป็น “รัฐสวัสดิการ”ภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตย นโยบายเศรษฐกิจ ได้แก่ การแบ่งสรรรายได้ด้วยนโยบายให้ทุกคนมีงานทำ รัฐพร้อมที่เข้าดำเนินกิจการทางเศรษฐกิจทั้งระบบแทนเอกชนเมื่อจำเป็น และสุดท้ายสร้างสังคมที่ทุกคนมีความเท่าเทียมกันโดยไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น ยอมรับหลัก “รัฐสวัสดิการ” ยอมรับนโยบาย “เฉลี่ยสุข” ฉะนั้น การกระทำใดๆ ของรัฐก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี