ความผุพังที่สำคัญของประเทศไทย ไม่ได้เกิดจาก “ภัยคุกคามจากนอกประเทศ” หากแต่เกิดจากคนในประเทศด้วยกันนี่แหละ ที่ “บ่อนทำลาย” ทั้งที่เจตนาและไม่เจตนา
กรณี “การเลือกตั้ง” กับ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก” ก็เช่นเดียวกัน กลายเป็นประเด็นที่ถูกลากพามา เสมือนว่าต้องเลือกให้ความสำคัญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เรื่องไหนต้องมาก่อน พวกเจ้าจงมาต่อแถวหลังแนวความคิดของข้า
บ้าบอแท้!!
ในความเป็นจริง สองเรื่องนี้ล้วนมีความสำคัญ ล้วนต้องการความร่วมไม้ร่วมมือจากคนไทยทุกหมู่เหล่า ที่จะทำให้สำเร็จเรียบร้อย และสะท้อนความเป็นหนึ่งของคนในชาติ!!
1) ทำไมเราปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ “ต้องเลือก” ว่าอะไรมาก่อน อะไรมาหลัง อะไรสำคัญกว่า มันเป็นเกมที่มี “วาระซ่อนเร้น” แอบแฝงหรือไม่ ในอันที่จะ “จำกัดความคิดของคน” ให้ “ต้องเลือก” อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นเลย เหมือนที่กำลังบีบความคิดคนว่า การเลือกตั้งรอบนี้ มีแค่เอาทักษิณหรือไม่เอาทักษิณ เอาเผด็จการหรือไม่เอาเผด็จการ เอาการสืบทอดอำนาจหรือไม่เอาการสืบทอดอำนาจนั่นไง
2) การเลือกตั้ง เป็นวาระสำคัญที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องเกิด เป็นสัญญา เป็นเวลาอันควร และเป็นไปตามกฎหมายสูงสุดของประเทศ คือ รัฐธรรมนูญ เลี่ยงไม่ได้ และไม่ควรเลี่ยง ส่วนเลื่อนนั้นเลื่อนได้ แต่ต้องเลื่อนภายใต้เงื่อนเวลาของรัฐธรรมนูญ และแสดงเหตุผลที่เป็นที่ยอมรับได้ของคนทุกหมู่เหล่า จะดีที่สุด
3) พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ก็เป็นวาระที่ปวงชนชาวไทยเฝ้ารอคอย ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ในเมื่อพระมหากษัตริย์ทรงเป็นทั้งองค์พระประมุขในทางการปกครองตามกฎหมาย และทรงเป็นศูนย์รวมใจของอาณาประชาราษฎร์ ที่เราต่างพร้อมจะร่วมกันสนับสนุนให้เกิดขึ้นอย่างถูกต้องตามโบราณราชประเพณี สมพระเกียรติ และเป็นศรีสง่าแก่ชาติบ้านเมือง
4) การเถียงกันเริ่มเลยเถิด กลายเป็นว่าคนอยากเลือกตั้งเป็นคนไม่รักสถาบัน คนจำนวนหนึ่งที่พยายามแสดงตัวว่าฉันเทิดทูนสถาบันเป็นที่ยิ่ง ก็ต้องแสดงว่าเลือกตั้งรอได้ไปนั่นเทียว
5) สองงานนี้เกิดขึ้นไปตามวาระของตนได้ครับ หากเรากลับเข้าสู่เหตุผลและความสงบไปด้วยกัน เพราะการเลือกตั้งจัดโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเลย พระราชพิธีย่อมมีผู้มีหน้าที่โดยตรงดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอน และเป็นไปตามพระบรมราชโองการอยู่แล้ว โดยแม่งานหลักน่าจะเป็นรัฐบาล ซึ่งขณะนี้มีอำนาจเต็ม มิใช่รัฐบาลรักษาการ และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี้ ในทางกฎหมาย ไม่ต้องเป็นรัฐบาลรักษาการเลยสักวัน ฉะนั้น ใครมีหน้าที่เตรียมการงานใด ก็ทำไปด้วยใจบริสุทธิ์เถิดครับ จะต้องเอาสองเรื่องนี้มาถกเถียงเกี่ยงงอน หรือถึงขั้นต้องเลือกอย่างหนึ่งอย่างใดกันไปไย
6) การเลือกตั้งจะกำหนดเป็นวันใดก็ได้ แต่ต้องแล้วเสร็จภายใน 150 วัน กฎหมายที่เกี่ยวข้องครบองค์ในวันที่ 11 ธันวาคม 2561 นั่นแปลว่าการจัดการเลือกตั้งต้อง “แล้วเสร็จ” ภายในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 โดยที่ต้อง “แล้วเสร็จ” จริงๆ ตามนิยามของกฎหมาย ซึ่งหากไม่เป็นไปตามกฎหมาย การเลือกตั้งก็โมฆะ กกต. ก็ติดคุก และหาตัวผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งมาเยียวยาชดเชยให้ชาติบ้านเมือง-ก็เท่านั้นเอง
7) จะให้เลือกตั้งวันไหน ก็รีบๆ ประกาศออกมา นี่พระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งยังไม่ออกเลย เถียงกันหน้าดำหน้าแดง แยกพวกแยกข้าง ป้ายสีตีตรากันอุตลุดว่าพวกหนึ่งรักชาติ พวกหนึ่งไม่รัก พวกหนึ่งรักสถาบัน พวกหนึ่งไม่รัก เพื่ออะไร? บ้านเมืองยังแตกแยกวุ่นวาย และฉิบหายกันไม่พอหรือครับ?
8) กกต. ก็แค่รอรายละเอียดของงานพระราชพิธี ว่าแต่ละวันที่เกี่ยวข้อง มีกิจกรรมใดๆ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ ก่อน ขณะ และหลังงานพระราชพิธีบ้าง แล้วเลี่ยงมิให้ซ้ำซ้อนหรือกระทบซึ่งกันและกัน ดังที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวไว้ว่า กระแสข่าวว่าจะเลื่อนวันเลือกตั้งจากวันที่ 24 ก.พ. เป็นวันที่ 10 มี.ค.นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่ทุกคนต้องเข้าใจตรงกันว่า เมื่อประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว จะต้องกราบบังคมทูลเสด็จพระราชดำเนินเปิดประชุมรัฐสภาครั้งแรก ภายใน 15 วัน จึงจะต้องคิดเผื่อด้วยว่า ถ้าในหลวงมีพระราชกรณียกิจระหว่างนั้น จะเสด็จฯเปิดประชุมรัฐสภาได้อย่างไร ดังนั้น การจะประกาศผลการเลือกตั้ง จึงต้องดูว่าในหลวงมีพระราชกรณียกิจใดหรือไม่
ส่วนเรื่องการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป จะต้องมีการแถลงอย่างเป็นทางการให้ประชาชนและต่างชาติทราบหรือไม่นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า หากมีความจำเป็นก็อาจมีการแถลง ประเด็นนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะมีเหตุผลที่จะอธิบายให้โลกได้เข้าใจว่าไม่ใช่เป็นการเลื่อนเลือกตั้งอย่างส่งเดช เชื่อว่าต่างประเทศเองก็อยากจะทราบว่าในพิธีบรมราชาภิเษกนั้นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ซึ่งต้องรอการประชุมเตรียมการ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 10 มกราคมนี้ก่อน ทั้งนี้ กกต.เอง ก็รอฟังกำหนดการจัดงานจากที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีเช่นเดียวกัน รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
9) พระราชพิธีที่มีบางคนหยิบยกขึ้นมาอ้าง จึงมีส่วนคาบเกี่ยวกับการเลือกตั้งเพียงแค่ “องค์พระประมุข” จะทรงมีพระราชกรณียกิจอื่นอยู่หรือไม่ เมื่อตารางกิจกรรมทั้งหมดของพระราชพิธีชัดเจนแล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับ กกต. ที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง เพื่อให้ขั้นตอนหลังจากนั้น คือการประกาศผล การประชุมสภานัดแรก ฯลฯ ไม่ซ้ำซ้อนกับหมายกำหนดการขององค์พระประมุขเท่านั้น
10) ส่วนที่มีคนอ้างว่า หากเลือกตั้งแล้ว บรรยากาศบ้านเมืองจะวุ่นวาย ไม่งาม คำถามก็คือ แล้วพวกคุณจะทำให้มันวุ่นวายกันไปทำไมล่ะครับ ความวุ่นวายไม่ใช่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้เอง มันต้องมีผู้ก่อเหตุ หากเราไม่อยากเห็นความวุ่นวายก็อย่าก่อเหตุ อย่าสนับสนุนความวุ่นวายกันสิครับ เราก็ดำเนินการจัดการเลือกตั้งกันให้มันสงบ เรียบร้อยกันไม่ได้หรือครับ พรรคการเมือง นักการเมือง หัวคะแนน กองเชียร์ ก็ดำเนินการแนะนำตัว แนะนำนโยบาย ติดป้าย ขึ้นรถแห่ หาเสียงกันเสีย ให้สร้างสรรค์และเรียบร้อย ซึ่งหากยืนกำหนดเดิมคือ 24 ก.พ. 2562 ใน 60 วันก็รู้ผลการเลือกตั้ง ป้ายทั้งหลายก็ถูกเก็บ เรียบร้อยดี ยิ่งรีบจัดการเลือกตั้งให้เสร็จเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งไกล ไม่กระทบกับบรรยากาศอันดีในช่วงงานพระราชพิธีเท่านั้น ผมจึงไม่เห็นเหตุผลที่เราจะต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก่อน ให้งานพระราชพิธีผ่านพ้นไปก่อน อย่างที่บางคนเสนอด้วยความเลอะเทอะ ไม่ศึกษาเงื่อนไขทางกฎหมายนั้นเลย
11) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เพิ่งลงใต้ ไปเยี่ยมเยียนประชาชนที่เดือดร้อนจากพายุ “ปาบึก” ช่วงหนึ่ง นายกฯ ได้กล่าวถึงการเลือกตั้งว่า
“ผมรู้จิตใจความเป็นมนุษย์ของท่าน แต่ผมไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ แล้วมายุท่าน เล่นงานคนนั้นคนนี้ ผมไม่ทำ ถ้าทำแล้วประเทศไทยไม่มีวันไปได้ เราจะตีกันถึงเมื่อไหร่ ไม่ได้แล้ว เลือกตั้ง
ยังไงก็ต้องเลือก แต่จะเลือกให้ได้ใครมา ตรงนั้นสำคัญมากกว่า อย่าไปสนใจว่าจะเลือกเมื่อไหร่ เพราะอย่างไรก็ต้องเลือกใน 150 วัน ใครที่มาบอกให้เลือกตั้งก็อย่าไปกับเขาด้วย เรื่องนี้ กกต. เขาจัดการอยู่แล้ว ไม่ใช่ผม เข้าใจไหม เลือกพรุ่งนี้กับมะรืนนี้มันต่างกันไหม เลือกบัตรกี่ใบ ใบเดียวใช่ไหม ใบเดียวได้อะไรบ้าง ก็ไปศึกษาถ้าอยากเลือกตั้งเร็วๆ” นายกฯ กล่าว
12) อนึ่ง งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่เผยแพร่ออกมานั้น มีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้
4 พ.ค. 2562 : พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเสด็จออกมหาสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ คณะองคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล และพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร (ขึ้นบ้านใหม่)
5 พ.ค. 2562 : พระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศานุวงศ์ จากนั้น เสด็จเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค (ทางบก)
6 พ.ค. 2562 : เสด็จออก ณ สีหบัญชร พระที่นั่งสุทไธสวรรยปราสาท พสกนิกรเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นเสด็จออก ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท คณะทูตานุทูต และกงสุลต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล
6-20 พ.ค. 2562 : เป็นกิจกรรมที่ไม่ใช่พระราชพิธี แต่เป็นเรื่องที่ประชาชนและรัฐบาลจัด เช่น อาจจะเสด็จออกทรงรับผู้นำต่างประเทศที่มาร่วมพระราชพิธี ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบว่าดำเนินการอย่างไร, กิจกรรมการสวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคล, กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติจิตอาสา ด้วยการบูรณะแม่น้ำลำคลองทั่วประเทศ และอาจมีกิจกรรมอื่นๆ ที่คณะกรรมการอำนวยการฯ จะได้ประชุมหารือกัน เช่น การจัดงานสโมสรสันนิบาต
หยุดถกเถียงกันโดยไม่หาข้อยุติที่มีเหตุผล หยุดหาความดีให้คนนั้นว่าดีกว่าคนนี้ และป้ายสีอีกคนให้ชั่วกว่า
คิดต่างอย่างเป็นมิตร-คำเตือนของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
สามัคคีคือพลังช่วยสร้างชาติ-คำที่ท่องกันมาเนิ่นนาน
ถึงเวลาเอามาใช้แล้วครับ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี