สังคมนิยมประชาธิปไตย ได้แก่ นโยบายที่ยึดมั่นในหลักประชาธิปไตยในด้านอุดมการณ์ ส่วนในการบริหารยึดหลัก “รัฐสวัสดิการ” ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่จะนำไปสู่วิธีการที่เรียกว่า “เฉลี่ยสุข” คือ การลดเลิกระบบชนชั้นทางเศรษฐกิจโดยใช้ระบบ “การประกันความมั่นคงทางสังคม” ได้แก่ การช่วยเหลือประชาชนในวัยต่างๆ ได้แก่ การช่วยเหลือตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนเกิดเป็นทารก เป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่จนกระทั่งถึงแก่ความตาย การช่วยเหลือตามระบอบนี้รัฐจะดูแลทั้งด้านการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รัฐให้การช่วยเหลือในการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนทุกคน
การให้การช่วยเหลือในยามชราในรูปแบบต่างๆ นโยบายรัฐสวัสดิการก็ดี นโยบายการแบ่งสรรรายได้ก็ดี นโยบายให้ประชาชนทุกคนมีงานทำก็ดี พรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์สังคมนิยมประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นสมาชิกของพรรคมาจากคนทุกกลุ่มในสังคมเพียงแต่ว่าสมาชิกของพรรคยอมรับในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตย ยอมรับหลักรัฐสวัสดิการ ยอมรับนโยบายเฉลี่ยสุข ซึ่งนโยบายดังกล่าวมุ่งเน้นในทางด้านสังคมมากกว่าด้านการเมือง เพราะเน้นนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและของประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งแตกต่างกับนโยบายประชานิยม
สรุปรวมความว่า นโยบายสังคมนิยมประชาธิปไตยที่กล่าวมาข้างต้นย่อมแตกต่างกับนโยบายประชานิยมที่พรรคการเมืองในประเทศไทยนำมาใช้อย่างตรงกันข้าม เพราะนโยบายสังคมนิยมประชาธิปไตยเปรียบเสมือนนโยบาย “การให้เบ็ดกับเหยื่อไปตกปลา” กับนโยบายประชานิยม คือ “การให้ปลาไปรับประทาน” ซึ่งนโยบายแรกนั้นช่วยคนให้รู้จักทำมาหากิน หรือการสอนให้ช่วยเหลือตัวเอง ส่วนนโยบายหลังทำให้คนรอความช่วยเหลือตลอดไป หรือทำให้คนยากจนกลายเป็นคนขอทานเพราะไม่สอนให้คนสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่กลับไปซ้ำเติมให้คนจนต้องแบบมือรับความช่วยเหลือตลอดชีวิตซึ่งขัดกับนโยบายสวัสดิการสังคม
สำหรับประเทศไทยนั้น ปัจจุบันกำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งหลังจากที่ถูกปกครองโดยระบอบเผด็จการมาเป็นเวลากว่า 4 ปี และองค์อธิปัตย์
ที่เข้ามาเป็นคนกลางกำลังจะกลายเป็นผู้เล่นทำให้เกิดปัญหาว่าการเมืองของประเทศในอนาคตจะเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ได้เฉกเช่นสังคมประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย คือ สวีเดน เดนมาร์ก และนอร์เวย์ เพราะประเทศดังกล่าวเป็นประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนชาวไทยเองคุ้นเคยกับการปกครองที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตลอดมา แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงมาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยก็ยังมีความคุ้นเคยกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุขไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดี นโยบายการปกครองประเทศนั้นน่าเป็นห่วงที่พรรคการเมืองบางพรรคนำเอาระบบประชานิยมมาใช้มอมเมาประชาชน แทนที่จะนำเอานโยบายเฉลี่ยสุขมาใช้กลับนำเอาวิธีการก่อให้เกิดสังคม “รวยกระจุก จนกระจาย” ทั้งทำให้เกิดระบบชนชั้นทางเศรษฐกิจแทนที่จะเสนอนโยบาย “เฉลี่ยสุข” ตามหลักสังคมนิยมประชาธิปไตยที่แท้จริงมาปรับใช้กับสังคมไทยเพื่อก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันของประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี