การที่ประชาชนที่สนใจในการเมืองของประเทศและนักการเมืองเสนอให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ให้แสดงวิสัยทัศน์ว่าถ้าผลจากการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นทำให้ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมีวิสัยทัศน์อย่างไรต่อการบริหารประเทศภายใต้การนำของท่าน ซึ่งพรรคการเมืองเก่าที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมทั้งประชาชนที่สนใจในการเมืองต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อคนแรกหรือคนเดียวเป็นนายกรัฐมนตรีได้แสดงวิสัยทัศน์ไม่ใช่ดีเบตเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจว่าจะลงคะแนนสนับสนุนให้พรรคใดได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง
และผู้ที่พรรคสนับสนุนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามวิถีทางแห่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ การแสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวไม่ใช่เชิญให้บุคคลเหล่านั้นมาอภิปราย ถกเถียง หรือโต้วาที เพราะเมื่อบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อดังกล่าวแต่ละคนได้เสนอวิสัยทัศน์ของตนให้สาธารณชนทราบและถ้ามีการซักถามก็ต้องอยู่ในกรอบแห่งการแสดงวิสัยทัศน์ของแต่ละคนโดยไม่ให้มีการก้าวล่วงไปถึงการแสดงวิสัยทัศน์ของบุคคลอื่น
วิธีการนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยมิใช่นำเอาบุคคลดังกล่าวมาโต้วาทีกันดังที่นักการเมืองของไทยบางคนเข้าใจและสร้างความสับสนให้กับสังคมในขณะนี้แม้แต่ตัวนักการเมืองผู้ที่เกี่ยวข้องบางคนยังสับสนกับผลงานที่ได้กระทำมาแล้วว่าเป็นวิสัยทัศน์ การแสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวเมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏถ้าไม่มีพรรคใดชนะมีเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก็ตาม ถ้ามีการรวมตัวกันหลายพรรคเป็นรัฐบาลผสมที่รวมตัวกันมีเสียงข้างมากก็คงจะต้องเสนอผู้หนึ่งในพรรคที่ผสมกันเป็นนายกรัฐมนตรี
บุคคลผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะนำเอาวิสัยทัศน์ที่ตนได้เสนอมาดำเนินการในการบริหารประเทศเพราะ วิสัยทัศน์ คือ คำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชน แม้อาจจะนำเอาวิสัยทัศน์ที่ผู้มีพรรคร่วมรัฐบาลเคยเสนอไว้ในการแสดงวิสัยทัศน์มาใช้กับรัฐบาลผสมที่พรรคตนเป็นหนึ่งในรัฐบาลผสมก็ย่อมได้ การแสดงวิสัยทัศน์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเป็นกระบวนการหนึ่งในการเลือกตั้ครั้งนี้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยอาจเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แม้จะเป็นประชาธิปไตยฟันปลอมก็ตาม
แต่จะส่งผลให้กระบวนการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ชัดเจนขึ้น เพราะการแสดงวิสัยทัศน์ของว่าที่นายกรัฐมนตรีเปรียบเสมือนคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน มิใช่การปราศรัยหาเสียงหาคะแนนนิยมดังปรากฏในอดีต เพราะเมื่อประสบความสำเร็จได้เป็นรัฐบาลกลับไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ประกาศไว้ตอนหาเสียง ซึ่งปรากฏตลอดมาในอดีตที่ผ่านมา
ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยจึงประท้วงในกรณีที่รัฐบาลไม่ดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่ได้ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี การแสดงวิสัยทัศน์ซึ่งถือว่าเป็นคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชนอาจไม่ประสบความสำเร็จถ้ามีปัจจัยอื่นที่เคยปรากฏอยู่เนืองๆ ในสังคมไทย คือ ทฤษฎี “ศรีธนญชัย” ก็ดี สุภาษิตที่ว่า “เงินไม่มา กาไม่เป็น” ก็ดี หรือ“การใช้อำนาจเผด็จการทางปฏิบัติ” ดังที่ปรากฏในอดีตที่ผ่านมาจนทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขกลายเป็นหมันไป ถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีกระวัง “วงจรอุบาทว์” จะกลับมาสู่สังคมการเมืองของประเทศไทยอีก และจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาทำให้มีนักการเมืองที่ตระบัดสัตย์ต้องลี้ภัยไปยังต่างประเทศดังที่ปรากฏมาแล้วในประวัติศาสตร์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี