เวลาใครๆ พูดถึงสังคมอเมริกัน หรือประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน ก็มักจะพูดกันด้วยความรู้สึกที่ชิงชัง รำคาญใจ เพราะชาวโลกสมัยนี้ต่างมีความรู้สึกว่า สหรัฐอเมริกานั้นชอบทำตัวเป็นตำรวจโลก ชอบเจ้ากี้เจ้าการ และหัวหมอจอมหลักการ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงอยู่ไม่น้อย แต่นั่นเพราะผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกานั้นกว้างใหญ่ไพศาล ครอบคลุมไปทั่วโลก ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาต้องออกไปยันทัพ และภยันตรายทั้งปวงทั่วทุกภูมิภาค เพื่อมิให้ความยุ่งยากมาประชิดเขตแดน หรือแทรกซึมเข้ามาได้ในเขตแดนตน เป็นการดำเนินนโยบายเพื่อความมั่นคง เสถียรภาพ และความอยู่รอดของสหรัฐฯ เองเป็นหลัก
ในขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาก็ยังต้องการที่จะส่งเสริม และแชร์แบ่งปันค่านิยม (values) ว่าด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ที่มีสิทธิเสรีภาพและการดำรงชีวิต ที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความกลัวและการกดขี่ใดๆ หรือการปฏิเสธความเป็นเผด็จการใดๆ ทั้งสิ้น โดยมนุษย์จักต้องสามารถอยู่ร่วมกันด้วยกฎหมายอย่างทัดเทียม และไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งกฎหมายจักศักดิ์สิทธิ์เป็นที่น่าเชื่อถือได้ ก็ย่อมต้องมีการบังคับใช้อย่างจริงจังและยุติธรรม
โครงสร้างทางการเมือง (Political System) และวัฒนธรรมทางการเมือง (Political Culture) ของสหรัฐฯ จึงกลายเป็นทั้งต้นแบบ และแบบอย่างให้กับผู้คน และประเทศทั่วโลก แต่อย่างไรก็ดี มันก็ยังมิใช่ระบบที่สมบูรณ์แบบ หรือหาที่ติมิได้ (perfect) ซึ่งก็ทำให้ต้องมีการทดลองปฏิบัติ และมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
พื้นฐานของสังคมอเมริกันนั้นเป็นสังคมเปิด และได้ก้าวข้ามการกำจัดสิทธิเสรีภาพ สีผิว และรสนิยมทางเพศไปแล้ว โดยประเด็นปัญหาสาธารณะต่างๆ สามารถนำขึ้นมาโต้เถียงกันได้อย่างกว้างขวาง ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงความคิดเห็น และจุดยืนของตน โดยจะต้องขับเคลื่อนอยู่ภายใต้กฎหมาย และหลักสันติวิธี
การฟ้องร้องประธานาธิบดีนั้นถือเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ เป็นปกติ โดยการขัดแย้งใดๆ ก็ตาม จะไปยุติกันที่ศาลสถิตยุติธรรม โดยข้อตัดสินของศาลถือเป็นเด็ดขาด และเป็นที่ยอมรับและนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของข้อคิด ข้อปฏิบัติทางกฎหมายต่อไป
ที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกานั้นเป็นพันธมิตรกับไทยมาช้านาน ถือว่านานกว่าประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้ อาจจะด้วยคนไทยและคนอเมริกันต่างมีความเชื่อในเรื่องความเป็น “ไท” เป็น “เสรีชน” เป็นพื้นฐานร่วมกัน ฉะนั้นการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ไปจนถึงการร่วมมือกันในการส่งเสริมเรื่องศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และการเป็นสังคมเปิด จึงอยู่ในวิสัย และเป็นความจำเป็น
สังคมไทยเรากลับล้มลุกคลุกคลานกับเรื่องประชาธิปไตย และเรื่องสิทธิเสรีภาพ และปัญหาการเคารพและใช้บังคับกฎหมายมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบัดนี้ ที่ผู้นำไทยในปัจจุบันกำลังเคลิ้มกับอำนาจวาสนา หันไปเห็นดีเห็นงาม ชื่นชมชื่นชอบกับลัทธิพรรคเดียวครอบงำสังคม หรือลัทธิเผด็จการนิยม ซึ่งเป็นอันตรายยิ่งต่อความเป็นเสรีชนของคนไทยเรา
ก็คงต้องถามเราคนไทยทุกคนกันว่า เราควรจะยอมสยบหรือรับสภาพ โดยที่จะไม่เรียกร้อง ต่อสู้ เพื่อตัวเราเอง และเพื่อความยิ่งใหญ่ก้าวหน้าของการเป็นสังคมเปิดของไทยกันเลยหรือ?
คำถามต่อไปก็คือ เมื่อเราต่างคงความเป็นเสรีชน และอยู่ในสังคมเปิดนั้น เราควรจะต้องทำอะไรกัน เพื่อนำไปสู่การเป็นประชาธิปไตย นอกจากนั้น เราจะสามารถเรียนรู้หลักและวิธีการปฏิบัติจากที่ไหนได้ เรามีโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศใด คนชาติใดก็ได้ แต่ในเมื่อเรามีสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐอเมริกามาช้านาน ซึ่งเมื่อตอนเขาเริ่มต้นตั้งประเทศกัน เขาก็เลือกระบอบประชาธิปไตย แล้วสามารถคงอยู่ได้มาทุกวันนี้ โดยการปฏิรูปปรับเปลี่ยนตนเองอยู่ตลอด เพื่อให้สังคมมีความยุติธรรม มีความเป็นเสรียิ่งขึ้น ดังนั้น เหตุใดที่เราจะไม่นำเอาสังคมอเมริกันมาเป็นแหล่งความรู้ เป็นตัวอย่างในการดำเนินการเล่า
ที่กล่าวมานี้ มิได้ต้องการเชียร์ให้จะต้องตามก้น หรือเชื่อฝ่ายอเมริกันทั้งหมด หากแต่อยากกระตุกเตือนกันสักนิดว่า การไปตั้งแง่รังเกียจ รำคาญ สิ่งใดจนเกินไป อาจทำให้เราเสียโอกาสในการเรียนรู้สิ่งดีงามบางสิ่งบางอย่างไปอย่างน่าเสียดาย ความหลากหลายต่างหากคือความสวยงามของประชาธิปไตย
สังคมไทยนั้นยังไม่สายที่จะทบทวนดึงตัวกลับมาจากแนวคิดอำนาจนิยม หรือประชาธิปไตยพรรคเดียวครอบงำสังคม เพราะหากประชาชนทุกคนยังนิ่งเฉย ภยันตรายข้างหน้าคือ ความมืดบาปของเผด็จการอำนาจนิยมที่จะตกอยู่กับบ่าของคนไทยรุ่นลูกลูกหลานของพวกเรา
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี