จากกรณีค่าโง่โฮปเวลล์ 1.2 หมื่นล้าน ปรากฏว่า มีนักการเมืองกลุ่มการเมือง บางฝ่าย พยายามโยงมาโจมตีรัฐบาล คสช. แล้วยังพ่วงไปหยิบเอากรณีปิดเหมืองทอง ทำนองว่าจะมีค่าโง่เหมืองทองตามมาอีก
โดยเจตนาต้องการดิสเครดิตการใช้มาตรา 44ในเรื่องเหมืองทอง
ดูแคลน ด้อยค่า ต่อการแก้ปัญหาเหมืองทองคำในยุครัฐบาลปัจจุบัน
ทำนองว่า การใช้มาตรา 44 นั้น เป็นความโง่เขลาของผู้นำประเทศ
1. เรื่องโฮปเวลล์ กับเหมืองทองคำ เป็นคนละเรื่อง คนละประเด็น คนละเจตนาอย่างสิ้นเชิง
พวกที่จับมาโยงกันได้แบบนี้ มี 2 พวก คือ
หนึ่ง พวกรับงานเหมืองทองมาโจมตีรัฐบาลไทยเพื่อหวังจะได้กินส่วนแบ่งจากค่าโง่ ที่ถูกโยนมาให้เป็นเศษเนื้อข้างเขียง กัดกินจากการเสียผลประโยชน์ของประเทศชาติตัวเอง
สอง พวกที่ไร้จิตสำนึกความเป็นมนุษย์ บ้าการเมืองจนหูหนวกตาบอด ใจมืดมิด มองไม่เห็นปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพอันเกิดจากเหมืองทองคำในบ้านเราจนดึงทุกอย่างมาเล่นการเมืองโจมตีตัดแข้งตัดขาประเทศตัวเอง
2. กรณีเหมืองทองคำ ล่าสุด นายสมชายหาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันว่า ยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการอนุญาโตตุลาการรวบรวมข้อมูล
อาจจะมีการพิจารณาอนุญาโตตุลาการช่วงปลายปี 2562
ขณะนี้ เหมืองทองคำคู่กรณี หยุดดำเนินการผลิตอยู่
3. บางฝ่าย พยายามจะโจมตีว่า หากมีคำตัดสินให้ฝ่ายรัฐบาลไทยแพ้ จะต้องจ่ายค่าเสียหาย หรือค่าโง่ ควรจะให้หัวหน้า คสช. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จ่ายเงินตัวเอง หรือเอาเงินแผ่นดินไปจ่าย?
การตั้งประเด็นชี้นำเช่นนี้ ส่อเจตนาสกปรก
ลองคิดดู การปิดเหมืองทองนั้น ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร? นายกฯ พลเอกประยุทธ์ใช้มาตรา 44 เพื่อคุ้มครองสุขภาพของชาวบ้าน ขวางอิทธิพลอำนาจของกลุ่มทุนข้ามชาติเหมืองทองคำ ที่ใหญ่โตถึงขนาดว่านักการเมืองทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เคยมีรัฐบาลไหนเข้าไปดูแลปัญหาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชาวบ้านจากกรณีเหมืองทองคำอย่างเป็นรูปธรรมเลย
อันที่จริง ถ้านายกฯ พลเอกประยุทธ์จะนิ่งเฉย ทำหูทวนลม ไม่ได้ยินเสียงชาวบ้าน ไม่เห็นความทุกข์ชาวบ้าน ปล่อยให้เหมืองทองดำเนินกิจการต่อไป แค่อ้างว่าต้องทำตามระเบียบที่มีอยู่เหมือนทุกยุครัฐบาล ก็ย่อมจะกระทำได้ อย่างปลอดภัย แถมรัฐบาลก็จะได้ผลประโยชน์ ได้รายได้เข้ารัฐจากกิจการเหมืองทองคำ
ช่างน่าเจ็บใจ ผลประโยชน์จากการปิดเหมืองทองคำตกแก่ชาวบ้านและประเทศชาติส่วนรวม ทำเพื่อปกป้องคุ้มครองชาวบ้านจากผลกระทบเชิงลบ หลังจากถูกละเลยมาตลอดทุกยุครัฐบาล แต่พอถูกต่อสู้ ตอบโต้กลับจากกลุ่มทุนที่สูญเสียผลประโยชน์ ดันมีนักการเมือง กลุ่มการเมือง ออกมาด้อยค่าตีฝีปาก ชี้นำว่าจะต้องให้ตัวพลเอกประยุทธ์รับผิดชอบไปคนเดียว!!!
ลองย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล ยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการ แต่ไม่ได้หมายความให้เขาเลิก เพียงแต่หยุดต่อใบอนุญาตไปก่อน เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน ฉะนั้น หากเราทำเพื่อประชาชนมันควรเสี่ยงหรือไม่ ตนต้องคำนึงถึงประชาชนหรือไม่ ตนไม่ได้ประโยชน์จากการเปิดหรือปิดอะไรเลย และเหมืองนี้เกิดมาก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามาในชั้น ป.ป.ช. ก็มีเรื่องนี้อยู่ ทั้งเรื่องภาษีการเงินกับบริษัทเหมืองแร่นี้
“อยากบอกว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่า จะได้หรือเสียเงินก็ไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกันอีกหลายคดี ถ้าเราไม่ทำให้เกิดความชัดเจน ก็จะเดินขบวนเรียกร้องกันอยู่นั้น นี่คิดสิ่งที่ตนพยายามทำตามคำเรียกร้อง แต่พอทำแล้วเกิดปัญหา ก็มีคนจะให้รัฐบาลรับผิดชอบ มันคนละเรื่องกับจำนำข้าว ที่เป็นเรื่องการทุจริต แยกแยะให้ออก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
4. คนไทยที่เจตนาดีต่อบ้านเมืองจริงๆ พึงข้อสงสัยว่า
ทำไมเหมืองทองคำ จึงยังเปิดได้ในยุครัฐบาลก่อนๆ หน้า?
ทำไมชาวบ้านร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบร้ายแรงแต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จัดการอะไรไม่ได้?
ทำไมรัฐบาล คสช.ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเผด็จการ กลับแคร์ความทุกข์ของชาวบ้าน ยอมใช้มาตรา 44 ปกป้องประชาชน จัดการเหมืองทอง?
ทำไมแทนที่จะช่วยสนับสนุนให้ประเทศชาติอย่างเป็นเอกภาพ สนับสนุนรัฐบาล คสช.ต่อสู้คดี แต่กลับมีคนออกมาทับถม ซ้ำเติม เชียร์ทุนต่างชาติ (แต่ตอนชาวบ้านเดือดร้อนก็ออกมาด่ารัฐบาลให้ระงับเหมืองทอง)?
และสุดท้าย ทำไมป่านนี้ ป.ป.ช.ยังไม่มีความคืบหน้ากรณีสินบนเหมืองทองคำข้ามชาติ ที่มีมาตั้งแต่ยุครัฐบาลที่แล้วเสียที
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี