ค่าโง่ ตามความหมายของบริบทข่าวในยุคปัจจุบัน หมายถึงการที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลของประเทศให้กับเอกชน สาเหตุที่ต้องจ่ายเงินก็เพราะรัฐบาล (จะชุดใดก็ตาม) ได้ทำสัญญากับเอกชนไปแล้ว แต่ปรากฏว่าสัญญาที่กระทำไปนั้น ส่งผลให้ภาคเอกชนสามารถกลับมาเรียกร้องค่าเสียหายที่เอกชนอ้างว่าบังเกิดกับตนเอง อันเนื่องมาจากการกระทำของรัฐบาล
ค่าโง่ล่าสุดที่คนไทยรับทราบกันทั้งประเทศ คือค่าโง่โครงการโฮปเวลล์ ที่รัฐบาลต้องชดใช้ให้เอกชน เป็นเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยยังไม่รวมค่าดอกเบี้ยอีกร้อยละ 7.5 โดยต้องจ่ายเงินภายใน 180 วัน นับจากวันที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาคดีนี้ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562
แน่นอนว่าประเด็นการก่อสร้างโครงการโฮปเวลล์ไม่ได้เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่เมื่อศาลมีคำพิพากษาออกมาแล้วว่าหน่วยงานภาครัฐของไทยต้องชดใช้เงินให้กับโฮปเวลล์ ซึ่งก็เท่ากับรัฐบาลต้องเป็นผู้ชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวไปโดยปริยาย เพราะหน่วยงานของรัฐอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยรัฐบาล ส่วนรัฐบาลชุดปัจจุบันจะยอมจ่ายเงินตามคำสั่งศาลหรือไม่ หรือจะเจรจาต่อรองกับผู้ที่เป็นคู่กรณีอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการต่อไป
ปัญหาสำคัญมิได้อยู่ที่รัฐบาลต้องจ่ายเงินค่าโง่ให้เอกชนแต่อยู่ที่ใครคือต้นเหตุของปัญหานี้ พูดชัดๆ คือ ใครหรือนักการเมืองหน้าไหน ในรัฐบาลชุดใดที่เป็นต้นตอของการทำให้ประเทศไทยต้องเสียค่าโง่ แล้วที่มากกว่านั้นคือ สาธารณชนตั้งคำถามว่า รัฐบาลจะมีปัญญาไปไล่เบี้ยเรียกค่าโง่ที่รัฐต้องเสียไปกลับคืนมาจากผู้ที่เป็นต้นเหตุให้รัฐต้องจ่ายเงินที่เรียกว่าค่าโง่ หรือไม่
เรามักจะได้ยินคำโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลทุกชุดว่าทำดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ แต่เมื่อผลลัพธ์ออกมาเลวร้ายเช่นนี้ จึงมีคำถามว่า นี่หรือคือการทำดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ การที่ต้องจ่ายค่าโง่จำนวนมหาศาลถือเป็นการทำดีที่สุด ใช่หรือไม่ แล้วที่สำคัญคือก่อนที่รัฐบาลชุดใดก็ตามจะทำสัญญาใดๆ ซึ่งผลของสัญญาจะย้อนกลับมาเป็นพิษเป็นภัยกับประเทศชาติ รัฐบาลได้คิดไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้วหรือยังว่าสัญญาที่ลงนามไปนั้นจะให้ผลดีหรือผลเสียในที่สุดต่อประเทศชาติอย่างไร หรือรัฐบาลไทยคิดแค่เพียงว่า ลงนามในสัญญาแบบชุ่ยๆ ไปก่อน เพราะตนเองอยู่ในตำแหน่งรัฐบาลเพียงไม่กี่ปี ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังจากตนพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารประเทศไปแล้ว จะตกอยู่กับประชาชนหรือประเทศชาติอย่างไร รัฐบาลสุดชุ่ยไม่นำพา
ประเทศไทยต้องเสียค่าโง่มาแล้วหลายครั้ง อาทิค่าโง่ที่ต้องจ่ายให้บริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ (จำนวน 4 พันล้านบาท) ค่าโง่โครงการทางด่วนบูรพาวิถี (6,200 ล้านบาท) แม้กรณีค่าโง่ทางด่วนบูรพาวิถีจะยังไม่จบ โดยที่หน่วยงานในกำกับของภาครัฐจะยังไม่ต้องจ่ายเงินค่าโง่ แต่เรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ภาครัฐกันอย่างหนัก และที่หลายคนยังจำได้ดีคือกรณีค่าโง่คลองด่าน รวมถึงหลายคนยังจับตามองเรื่องที่ว่า ภาครัฐของไทยจะต้องเสียค่าโง่กรณีเหมืองทองคำชาตรี ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม มีผู้วิจารณ์ว่า ค่าโง่เป็นการบ่งบอกให้สาธารณชนเห็นชัดว่ารัฐบาลชุดใดก็ตามที่เป็นต้นตอของการเสียค่าโง่ คือคนโง่เขลา แต่นอกจากโง่เขลาแล้วยังส่อแสดงให้เห็นถึงความฉ้อฉลของรัฐบาลนั้นๆ ด้วย
ค่าโง่จึงบ่งบอกอย่างชัดเจนว่า รัฐบาล หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานในสังกัดของรัฐ ที่เป็นผู้ทำให้ประเทศไทยต้องเสียค่าโง่ คือคนโง่ และคนโกง ซึ่งจงใจล้างผลาญทรัพยากรของประเทศชาติ
สังคมไทยทราบดีว่ารัฐบาลชุดไหน นักการเมืองหน้าไหน ข้าราชการรายใด หน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานในสังกัดของรัฐหน่วยใดที่เป็นคนโง่และคนโกง คนไทยทราบดี แต่คำถามต่อไปคือ แล้วคนไทยจะจัดการอย่างไรกับคนโง่และคนโกงที่ยังลอยหน้ากันสลอน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี