สหรัฐอเมริกาถือตนเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกทั้งทางมหาอำนาจและทางเศรษฐกิจ ดังนั้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
สิ้นสุดลง แม้จะมีองค์การสหประชาชาติเป็นองค์กรหลักในกิจการระหว่างประเทศ แต่ในความเป็นจริงสหรัฐกลับมีบทบาทนำหรือเหนือกว่าองค์การสหประชาชาติในแทบทุกกรณี
การใดที่เป็นวัตถุประสงค์หรือเป็นผลประโยชน์ของสหรัฐแล้ว สหประชาชาติก็มักจะอนุโลม หรือคล้อยตาม หรือทำตามโดยไม่อิดเอื้อน จนหลายเรื่องได้เป็นการทำลายผลประโยชน์ของประชาชาติทั่วโลกอย่างน่าเวทนา และเป็นเหตุทำให้เกียรติภูมิของสหประชาชาติยิ่งด้อยถอยลง และถอยหลังกลับไปคล้ายคลึงกับสันนิบาตชาติที่ล่มสลายไปแล้วมากขึ้นทุกที
เพราะเหตุที่ประเทศกลุ่มโลกที่สามเป็นประเทศที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาสมาชิกสหประชาชาติ และในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็มีผู้แทนจากโลกที่สามเข้าเป็นสมาชิกมากขึ้น แม้จะไม่ใช่ประเทศสมาชิกถาวรที่สามารถวีโต้ได้ แต่ก็สามารถมีมติที่ก่อให้เกิดธรรมหรือความไม่เป็นธรรมให้ปรากฏต่อชาวโลกได้
ดังนั้นในหลายกรณีที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติหรือสมัชชาใหญ่สหประชาชาติไม่เห็นด้วยหรือไม่คล้อยตามความต้องการของสหรัฐ ก็จะมีการใช้อำนาจหรือพลังทั้งทางแสนยานุภาพและทางเศรษฐกิจกระทำต่อประเทศต่างๆ โดยลำพังของสหรัฐเอง และหลายกรณีก็รุนแรงถึงขนาดใช้กำลังทหารเข้ายึดครองประเทศอื่น ดังที่ปรากฏมาแล้วมากมาย
และที่เลื่องชื่อลือชามากที่สุดก็คือการแซงก์ชั่นประเทศต่างๆ ซึ่งสหรัฐได้ดำเนินการต่อเนื่องมาร่วมครึ่งศตวรรษแล้ว และมีประเทศต่างๆ ที่ถูกแซงก์ชั่นหรือเคยถูกแซงก์ชั่นเป็นจำนวนมาก และเป็นเหตุให้ประเทศเหล่านั้นต้องรวมตัวกันเพื่อหาทางรับมือหรือป้องกันตนเองจากการถูกแซงก์ชั่นของสหรัฐ ที่สำคัญก็เห็นจะมีสององค์กรใหญ่คือ
องค์กรแรก คือองค์กร BRICS ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จากทุกทวีป ได้แก่ บราซิล จากทวีปอเมริกาใต้ รัสเซีย จากทวีปยุโรป และเอเชีย อินเดีย
จากประเทศในเอเชียใต้ จีน ซึ่งเป็นประเทศใหญ่สุดของโลก และเซาท์แอฟริกา ซึ่งเป็นประเทศใหญ่และมีบทบาทมากในทวีปแอฟริกา
BRICS จึงเป็นองค์กรการรวมตัวของประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทุกทวีปของโลก มีขนาดเศรษฐกิจรวมกันกว่าค่อนโลก และมีประชากรค่อนโลกและได้กลายเป็นองค์กรที่ยันหรือรับมือกับกลุ่มอียูขององค์การนาโตได้อย่างเต็มภาคภูมิและกว้างขวางกว่า
องค์กรที่สอง คือองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ที่ประกอบด้วยมหาอำนาจทางการทหารของโลก และล้วนได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการแซงก์ชั่นของสหรัฐมาอย่างหนักหน่วงด้วยกันทั้งสิ้น โดยมี รัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และอีกหลายประเทศทั้งในทวีปเอเชียและยูเรเซีย จัดเป็นองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศทางการทหารและทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งที่สุดของโลกในปัจจุบันนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้การแซงก์ชั่นของสหรัฐโดยเฉพาะในยุคสมัยของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ขยายการแซงก์ชั่นไปยังประเทศต่างๆ มากขึ้น ไม่ว่าประเทศที่เป็นมิตรหรือไม่เป็นมิตรและประเทศน้อยต่างๆ และส่งผลกระทบตลอดจนความเดือดร้อนเสียหายแก่ประเทศต่างๆ ยิ่งกว่ายุคใดสมัยใด จึงยิ่งทำให้ประเทศเหล่านั้นต้องหาทางออกให้กับตัวเองมากขึ้น
การหาทางออกให้กับตัวเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีไปกว่าการหันไปจับไม้จับมือกับองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ และช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างเด็ดเดี่ยว
มาถึงวันนี้การแซงก์ชั่นต่อบรรดาประเทศในยุโรปได้คลายมนต์ขลังลงเกือบจะสิ้นเชิงแล้ว แม้บางประเทศจะต้องทำตามโดยอิดเอื้อนไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงก็หาทางหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ทำตามอย่างแยบยล จนทำให้ความเป็นเอกภาพของนาโตและอียูอ่อนด้อยลงชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
แม้กระทั่งอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และอีกหลายประเทศก็มีอาการขัดขืนไม่ร่วมการแซงก์ชั่นกับสหรัฐชัดเจนขึ้นทุกที
สำหรับตุรกีซึ่งเป็นประเทศอิสลามที่แข็งแกร่งที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และเคยเป็นกองหน้าให้กับนาโต ขณะนี้ก็เปลี่ยนสีแปรธาตุไปเข้าร่วมกับองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ แม้กระทั่งการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์โดยไม่ฟังคำท้วงติงใดๆ ของสหรัฐเลย และยังกล้าตั้งหลักเผชิญหน้ากับความพยายามก่อรัฐประหารเพื่อเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของตุรกีด้วย
ส่วนปากีสถานและกาตาร์นั้นวันนี้ไม่สนใจการแซงก์ชั่นใดๆ อีกแล้ว หันไปจับไม้ร่วมมืออย่างแน่นแฟ้นกับองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ และแสดงอาการแข็งกร้าวด้วยการทำความตกลงในการร่วมมือทางการทหารและการจัดซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งทำให้สหรัฐโกรธจนหนวดกระดิก
มาทางด้านญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็เริ่มทอดสะพานหารือความร่วมมือกับจีนและรัสเซีย รวมทั้งเกาหลีเหนือมากขึ้นโดยลำดับจนผิดหูผิดตา
ส่วนประเทศในอาเซียนนั้น นอกจากสิงคโปร์กับประเทศไทยแล้ว เกือบทั้งหมดก็เชื่อมไมตรีและความร่วมมือกับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้มากขึ้น และหลีกเลี่ยงหรือไม่เข้าร่วมการแซงก์ชั่นของสหรัฐมากขึ้น
ดังนั้น ยิ่งแซงก์ชั่นประเทศต่างๆ มากเท่าใด ก็ดูเหมือนว่าสหรัฐกำลังโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าทางด้านการทหารและด้านเศรษฐกิจ จนมีคนคาดคิดว่าอีกไม่นานสหรัฐอาจจะต้องถอยหลังกลับไปสู่ยุคมอนโรอีกครั้งหนึ่ง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี