วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เป็นเวลากว่าสี่เดือนหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปตามกติการัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงทำให้การจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของอดีตผู้บัญชาการทหารบก หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีจากรัฐบาลเผด็จการก้าวสู่นายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบหรือประชาธิปไตยฟันปลอมยังไม่สะเด็ดน้ำ ทั้งนี้ เพราะพรรคพลังประชารัฐพลังสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลมีกำลังสนับสนุนไม่เพียงพอต้องอาศัยพรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กอีกหลายพรรคเข้าร่วม
แม้กระนั้นเสียงสนับสนุนก็ยังปริ่มน้ำ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อรวบรวมและตกลงแบ่งเค้กกันที่ทำท่าว่าจะเรียบร้อยแล้ว แต่ก็เกิดปัญหาตัวบุคคลในพรรคของตัวเองที่ดูดมาจากพรรคอื่นในเรื่องการแบ่งตำแหน่งรัฐมนตรี ทั้งว่าการและช่วยว่าการรวมทั้ง
กระทรวงเกรดเอ เกรดบี ซึ่งจะต้องส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีกลั่นกรองครั้งสุดท้าย ยังผลให้การเลือกตัวบุคคลยังไม่แล้วเสร็จ
เมื่อถึงขั้นนี้เกิดปัญหาขึ้นกับตัวบุคคลและการเปลี่ยนกระทรวงที่ได้ตกลงกันไว้แต่เดิมเปลี่ยนไป จนถึงกับมีการให้สัมภาษณ์ในสื่อว่าจะมีการแฉเบื้องหลังทวงคำสัญญาของชายชาติทหารยังผลทำให้ความเคลือบแคลงใจของประชาชนว่าอนาคตการเมืองของประเทศหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้หมดหน้าที่ลงแม้ตัวหัวหน้าจะแปลงกายไปเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่อำนาจที่มีสมัยเผด็จการจะกลายเป็น “ยักษ์ไร้กระบอง” แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพราะจากการปกครองภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ครองอำนาจมาเป็นเวลา 5 ปี การปฏิรูปประเทศที่อ้างไว้จะเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองของประเทศไทย แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศเมื่อเข้ายึดอำนาจยกเว้นความสงบของบ้านเมือง
ยิ่งไปกว่านั้นผลกลับตรงข้ามเพราะจากผลการสำรวจของโพลล์ที่ปรากฏในสื่อกลับแสดงถึงปัญหาไม่เป็นที่พอใจของประชาชนสิบประการโดยให้คะแนนทุกข้อต่ำกว่าครึ่ง เริ่มตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลหลังจากการเลือกตั้งผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่สำเร็จก่อให้เกิดการบริหารประเทศชะงักงัน ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นยังคงดำรงอยู่ ผลการเลือกตั้งก็ยังไม่สะเด็ดน้ำ
(เพราะเกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง) ที่มาของวุฒิสมาชิก็ยังเป็นที่สงสัยรวมทั้งบทบาทและหน้าที่ การบังคับใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญก็ยังเป็นที่เคลือบแคลงในเรื่องสืบทอดอำนาจไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย
การตรวจคุณสมบัติของสมาชิกสภาในเรื่องถือหุ้นสื่อเป็นสองมาตรฐาน ปัญหาเศรษฐกิจทำให้ประชาชนประสบความยากลำบากมากยังไม่ได้รับการแก้ไขต้องรอรัฐบาลใหม่ การใช้งบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นเงินของประชาชนผู้เสียภาษีอย่างมโหฬารแต่มีผู้รับประโยชน์เพียงบางกลุ่ม ทั้งไม่ทั่วถึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์อันควรจะได้ พร้อมทั้งสงสัยว่าอาจมีการทุจริตด้วย และสุดท้ายปัญหาเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง รวมทั้งสร้างระบบอุปถัมภ์โดยไม่นึกถึงประชาชนตามหลักประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งได้แก่ “การปกครองระบอบประชาธิปไตยเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน”
ฉะนั้น เพื่อให้แสงสว่างเกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตยไทยแม้จะไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยเต็มใบก็ตาม แต่อย่าให้ประชาชนที่ไม่ใช่นักการเมือง ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐเกิดความรู้สึกตามที่ผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐคนหนึ่งประกาศในการประชุมรัฐสภาเมื่อครั้งแรกว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างขึ้นมาเพื่อพวกเรา” ก็แล้วกัน มิฉะนั้นการเมืองของประเทศอาจกลับสู่ “วงจรอุบาทว์” อีกครั้ง ซึ่งแม้ประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ปรารถนาก็ตาม

กรมจัดหางาน เปิด 31 อัตรา ไปทำงานเกาหลีใต้ 5 เดือน เงินเดือน 4.9 หมื่น ไม่ต้องสอบภาษา
สรวงศ์ รับ กก.บห. หารือปมยื่นซักฟอก อนุทิน แต่เล็งหาวันที่ดีที่สุด ย้ำเป็นหน้าที่ฝ่ายค้าน
เพจดัง สงสัย ทำไมบางคนยังได้นิยเสียง ณัฐวุฒิ กรน
สลดเมืองพัทลุง! สองผัวเมียขี่ จยย.ไปงานศพ ถูกกระบะตู้ทึบชนจนไฟไหม้ดับทั้งคู่
ดร.สุวิทย์ ชี้ไทยกำลังติดเชื้อไวรัสโกงกินทั้งระบบ ถ้าไม่รักษาอาจไม่มี รัฐที่เป็นของปชช.อีกต่อไป

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี