ช่วงฤดูกาลนี้ สถาบันอุดมศึกษาต่างๆ มักจะมีกิจกรรมรับน้องใหม่ทั้งในและนอกสถานที่ บ้างก็ได้รับอนุญาตจากอาจารย์ฝ่ายกิจกรรม บ้างก็จัดกันเอง จนเกิดความรุนแรงบาดเจ็บ เสียอนาคตถูกดำเนินคดีไปหลายคน
ก็มีข้อมูลเตือนใจจากหัวข้อสัมมนา “รับเพื่อนใหม่ เคารพสิทธิ์..มิตรภาพ” ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร เมื่อเร็วๆ นี้ จัดโดย เครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชนและตัวแทนนักศึกษาในเครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างสุขจาก 60 สถาบันการศึกษา สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ รักษาการ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยง สสส.กล่าว และเผยว่าข่าวคราวความสูญเสียจากกิจกรรม
รับน้องใหม่ บ่อยครั้งที่เลยเถิดไปถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิต คำถามสำคัญคือเราจะยินยอมให้ความไม่ถูกต้อง ยังคงอยู่อย่างเป็นปกติเช่นนี้ หรือจะร่วมกันยืนหยัดและปฏิเสธความไม่ถูกต้อง ซึ่งสอดคล้องกับเจตนาของกิจกรรมวันนี้ คือการรับเพื่อนใหม่ ต้องเคารพสิทธิและมุ่งสู่มิตรภาพอย่างแท้จริง โดยมีการอธิบายหลักการสำคัญที่ควรยึดมั่นไว้อย่างน่าสนใจว่า 1.ต้องเคารพให้เกียรติกัน 2.ต้องสนุก กระตุกให้คิดและสร้างสรรค์ 3.ต้องไม่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ 4. ต้องมีความปลอดภัย และ 5.ต้องปลอดจากอบายมุขทุกชนิด นางสาวรุ่งอรุณ กล่าว
ขณะที่ นายกีรติ ปั้นมณี เลขาธิการกลุ่ม ANTI SOTUS กล่าวว่า ความรุนแรงในการรับน้องและกระบวนการยุติธรรมที่สาวไปไม่ถึงตัวผู้กระทำความผิด เป็นเรื่องที่สถาบันมักปิดข่าว ไม่ให้เผยแพร่ออกสู่พื้นที่สาธารณะ โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เกิดจากการเชื่อมโยงของ 5 ภาคส่วน ได้แก่ 1.ตัวมหาวิทยาลัยหรือสถาบัน 2.บุคลากรในสถาบัน 3.นักศึกษาทั่วไป(รุ่นพี่) 4.ผู้นำนักศึกษา และ 5.นักศึกษา ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ให้เผยแพร่สู่พื้นที่สาธารณะ คือ สถาบันพยายามที่จะปิดข่าว โดยมีบุคลากรในสถาบันเป็นผู้ดำเนินการปิดข่าว
ในขณะที่นักศึกษาทั่วไป (รุ่นพี่) และผู้นำนักศึกษาที่ทำการรับน้องของสถาบัน คนกลุ่มนี้จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากรในสถาบัน เพราะถ้าหากสถาบันมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ต้องอาศัยนักศึกษานี้ในการเกณฑ์คนเข้ามาช่วยทำกิจกรรมของสถาบัน ส่วนตัวนักศึกษาเอง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็ไม่อยากเอาความกับรุ่นพี่ จึงสรุปได้ว่า บุคลากรและสถาบันมีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าว จึงมีความพยายามที่จะไกล่เกลี่ยหรือปิดข่าวเมื่อเกิดเรื่องขึ้นมา
“ผมมองว่า สถาบันไม่ควรจะเห็นแก่ชื่อเสียงด้วยการปิดข่าว แต่ควรจะเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาและควรเป็นหน่วยงานที่จะช่วยหาตัวผู้กระทำความผิด หรือช่วยเหลือผู้เสียหายในการฟ้องร้อง ซึ่งเท่ากับเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ และอีกสาเหตุหนึ่งที่เราไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ เพราะมีความคิดว่าไม่อยากเอาเรื่องให้เด็กเสียอนาคต หรือหากจะเอาเรื่องกระบวนการทางกฎหมายก็ล่าช้า และมีค่าใช้จ่าย ซึ่งหากเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการ ผู้เสียหายก็ไม่อยากดำเนินคดี”นายกีรติ กล่าว
นายกีรติกล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุด เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาสถาบันจะต้องแสดงความมีจุดยืนที่ชัดเจน อย่ามัวแต่จะปกปิดเพราะกลัวเสียชื่อเสียง ต้องมีความจริงใจแก้ปัญหา ไม่ควรปล่อยปละละเลยกับค่านิยมวัฒนธรรมการรับน้องที่ไม่ดี เพราะหากเพิกเฉยเท่ากับเป็นการเพาะบ่มจนยากต่อการควบคุม และยังฝากถึงสื่อมวลชนช่วยนำเสนอข่าวในกระบวนการทำงานหรือการสืบหาผู้กระทำความผิดให้ได้โดยเร็วขึ้นอีกด้วย
นายเอ (นามสมมุติ) ตัวแทนเยาวชนที่เคยผ่านการรับน้องระบบอำนาจนิยมใช้ความรุนแรง กล่าวว่า อดีตเคยเรียนอาชีวศึกษา ปี 1 ที่สถาบันแห่งหนึ่งก่อนที่รุ่นพี่จะจัดกิจกรรมรับน้องที่ต่างจังหวัดรุ่นพี่จะทำการเทรนรับน้องเกือบทุกวันเพื่อล้างสมองและปลูกฝังความคิดให้กับรุ่นน้อง เช่น พูดกล่อมให้รักสถาบัน และให้เกลียดสถาบันคู่อริ และลงเอยด้วยการปฏิบัติการอย่างทารุณกรรมรุ่นน้อง ทนได้ก็ต้องทน ทนไม่ได้ก็ต้องออกไป
ทั้งฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปสอดส่องและสลายการเทรนรุ่นน้องที่ไม่สร้างสรรค์เพราะผมมองว่าถ้ารุ่นน้องไม่ถูกปลูกฝังความคิดทุกวันจะทำให้ระบบรับน้องรุนแรงล่มไปเอง ที่สำคัญอยากให้ไปทำความเข้าใจกับชมรมศิษย์เก่าของแต่ละสถาบัน เพราะคนกลุ่มนี้มีอิทธิพลมากกับน้อง
ครับก็เป็นข้อมูลที่สถาบันอุดมศึกษา ควรรับทราบไว้จะได้ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี