สิ่งที่เรียกว่า “ยุทธการปลาหมึกยักษ์” เป็นความลับมาระยะหนึ่ง แต่มาถึงบัดนี้ผู้เกี่ยวข้องในประเทศที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะในเมียนมา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และมาเลเซียก็ได้พูดจากันถึงเรื่องนี้และบอกกล่าวให้ประชาชนของเขารับทราบในเรื่องนี้แล้วด้วยกันทั้งสิ้น
สำหรับในประเทศไทยของเราแม้ว่าผู้รับผิดชอบด้านความมั่นคงในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา จะได้รับรายงานและรับทราบในเรื่องนี้แล้ว แต่ก็ยังคงเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญและเปิดเผย
แต่ในหมู่พี่น้องมุสลิมโดยเฉพาะพี่น้องมุสลิมชีอะห์ได้พูดถึงเรื่องนี้กันโดยทั่วไป เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับชาวมุสลิมโดยทั่วไป เพราะเรื่องนี้ได้มีการตรวจพบหลักฐานจากแกนนำขบวนการไอซิสในท่ามกลางสงครามกลางเมืองอิรักและซีเรีย และเป็นเรื่องใหญ่โตมาก
นั่นคือมีการตรวจพบแผนการจัดตั้งรัฐอิสลามแห่งไอซิสขึ้นในประเทศอาเซียนบางประเทศ โดยเฉพาะคืออินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ บางส่วนของเมียนมา คือ รัฐยะไข่ชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย และบางส่วนของกัมพูชา
ซึ่งแผนปฏิบัติการดังกล่าวนั้นความจริงจะต้องเริ่มปฏิบัติการมาแล้วราวปีเศษ แต่ทว่าเกิดการพลิกผันของสถานการณ์ขึ้น เนื่องจากรัสเซีย จีน และกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ เข้าช่วยเหลืออิรัก และซีเรีย ทำการปราบปรามขบวนการไอซิสในสองประเทศนั้น จนแตกพ่ายยับเยิน และก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในบรรดาประเทศหุ้นส่วนที่ก่อสร้างไอซิสขึ้น
โดยเฉพาะคือสถานการณ์พลิกผันในการล้มเหลวของการรัฐประหารในตุรกี ทำให้ตุรกีถอนตัวออกจากความเป็นหุ้นส่วน และลุกลามไปถึงกาตาร์ ตลอดจนหลายประเทศในแถบอ่าว จนทำให้หุ้นส่วนทั้งหลายอ่อนแอลง โดยเฉพาะหลายประเทศในยุโรป แม้กระทั่งญี่ปุ่นก็ได้ถอนตัวหลังจากที่ได้ทราบว่ากลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ไม่ยอมรับแผนการดังกล่าว และได้เข้าช่วยเหลืออิรักและซีเรีย
ดังนั้นเมื่อเกิดปฏิบัติการยึดเกาะมินดาเนา ของฟิลิปปินส์ เกิดปฏิบัติการแยกดินแดนในอาเจะห์ เกิดปฏิบัติการเตรียมยึดรัฐยะไข่ และเกิดปฏิบัติการเตรียมยิงถล่มสิงคโปร์ สิ่งเหล่านั้นก็ล้มเหลวลงทั้งหมด เพราะทั้งรัสเซียและจีนรวมทั้งเกาหลีเหนือและอิหร่าน ก็ได้เข้าร่วมการต่อต้านการตั้งรัฐอิสลามแห่งไอซิสอย่างแข็งขันด้วย
เดชะบุญของประเทศไทยที่ไม่เคยตั้งตนเป็นศัตรูกับใครและเป็นมิตรไมตรีกับทุกฝ่าย แทนที่ประเทศไทยจะเป็นจุดเปิดปฏิบัติการ ก็กลายเป็นแค่สถานที่พักพิงและพักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องที่มาเยือนต่างก็ประทับใจในไมตรีจิตของคนไทยที่ไม่มีใครแสดงความรังเกียจเดียดฉันท์
มีแต่แสดงไมตรีจิตต้อนรับขับสู้ในฐานะเจ้าของบ้าน บริกรที่เป็นผู้ชายก็รับใช้เอาใจใส่ดูแลทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ขัดสน เมื่อเกิดความประทับใจค่าทิปก็สูงขึ้น จากที่เริ่มต้นด้วยธนบัตรใบละ 100 บาท พอดึกเข้าก็กลายเป็นธนบัตรดอลลาร์ กระทั่งทิปกันด้วยธนบัตรดอลลาร์จำนวน 100 ดอลลาร์ และทิปกันทั้งคืน ไมตรีจิตมิตรภาพเหล่านี้เป็นวิสัยของมนุษย์ที่ย่อมเอื้อเฟื้อมีไมตรีจิตต่อกัน
นั่นก็จะเห็นได้ว่าเมตตาธรรม ไมตรีจิตมิตรภาพต่อกันนั้น เป็นที่ตั้งแห่งความรัก ความผูกพันและสันติ
สำหรับกัมพูชานั้นดูเหมือนจะได้ข่าวสารนี้จากมหาอำนาจซึ่งเป็นมิตรประเทศใกล้ชิด และได้ใช้ความเด็ดขาดในการเชิญชาวมุสลิมกัมพูชาให้เดินทางออกนอกประเทศและเป็นการดำเนินการอย่างทันท่วงที เพราะเป็นช่วงเวลาที่ตะวันออกกลางต้องการผู้คนเข้าไปเสริม ดังนั้นชาวมุสลิมกัมพูชาจึงได้เดินทางผ่านทางประเทศไทยไปมาเลเซียในยุคสมัยของนายกรัฐมนตรีนาจิบ และเดินทางไปยังตะวันออกกลาง และขณะนี้ก็ต้องโยกย้ายไปยุโรปกันเป็นจำนวนมาก
ต้องถือว่านายกรัฐมนตรีฮุน เซน เฉลียวฉลาดฉับไวและแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที วันนี้จึงนั่งตีขิมสบายใจเฉิบไปแล้ว
สำหรับประเทศไทยในห้วงเวลานั้น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ คือผู้รับผิดชอบดูแลเรื่องนี้ คนที่ใครๆ เรียกว่าลุงป้อมนั้นจะทำเป็นนั่งง่วงนั่งหลับอย่างไรก็ตามที แต่ในเรื่องนี้ลุงป้อมกลับปราดเปรียวเฉลียวฉลาดล้ำลึก จึงเตรียมการและรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่นั่นเป็นสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงเขาไม่พูดกัน ชาวบ้านอย่างเราท่านจึงต้องคอยฟังเสียงลมพัดลมเพกันเอาเอง
แต่อย่าเข้าใจว่าเมื่อปฏิบัติการขั้นต้นของสิ่งที่เรียกว่ายุทธการปลาหมึกยักษ์ล้มเหลวลงไปแล้วจะทำให้แผนการดังกล่าวยกเลิกเพิกถอนไปทั้งหมด หามิได้เลย ยังคงมีความพยายามที่จะสานต่อยุทธการปลาหมึกยักษ์กันต่อไป
แต่ทว่าสิ่งที่เรียกว่ายุทธการปลาหมึกยักษ์นั้นไม่ใช่ผลประโยชน์ของศาสนาอิสลาม มิได้เป็นไปตามโองการอันศักดิ์สิทธิ์ในพระมหาคีมภีร์อัลกุรอาน และไม่ได้เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อพี่น้องมุสลิมไม่ว่าประเทศใดๆ เลย
ถ้าจะกล่าวให้ถึงที่สุดแล้วกล่าวได้ว่าสิ่งที่เรียกว่ายุทธการปลาหมึกยักษ์นั้นก็คือแผนการที่ล้ำลึกของขบวนการที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตตัวจริงของอิสลาม ที่สามารถคิดแผนการอันแยบยลเพื่อใช้มุสลิมนั่นแหละในการทำลายมุสลิมและอิสลามเสียเอง และวิธีการที่แหลมคมที่สุดก็คือทำให้มุสลิมเข้าสู่สงครามกับชาวโลก
แต่ทว่าผู้นำศาสนาอิสลามนั้นมีสติปัญญาความสามารถมาก ครั้งหนึ่งท่านอยาตุลลอฮ์ ชารูคี หนึ่งในผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมงานครบรอบ 15 ปีแห่งอสัญกรรมของท่านอิหม่ามโคมัยนี ซึ่งท่านสามารถหยั่งรู้ด้วยญาณทัศนะอันอัศจรรย์ตั้งแต่นั้นแล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ในครั้งนั้นท่านอยาตุลลอฮ์ ชารูคี ซึ่งดูแลรับผิดชอบดูแลกิจการทางศาสนาในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งประเทศไทยด้วย ได้แสดงสุนทรพจน์ที่มีใจความสำคัญอย่างยิ่งว่า
“ในศาสนาอิสลามนั้นถือว่ามวลมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทุกเชื้อชาติทุกศาสนา ล้วนเป็นบ่าวของอัลเลาะห์ และอัลเลาะห์มิได้จำแนกมนุษย์จากการนับถือศาสนาใดๆ แต่ทรงจำแนกมนุษย์ที่ความดีและความชั่ว
ใครก็ตามที่ทำความชั่ว ต่อให้เป็นมุสลิม อัลเลาะห์ก็จะทรงลงโทษ
ใครก็ตามที่ทำความดี แม้เป็นศาสนิกในศาสนาใดๆ ที่มิใช่มุสลิม อัลเลาะห์ก็จะทรงตอบแทน
อิสลามเป็นสากลของมวลมนุษย์ มิได้ผูกขาดไว้เฉพาะมุสลิมเท่านั้น แต่มีมุสลิมบางคนได้ใช้ความคับแคบเห็นแก่ตัวของตนผูกขาดอิสลามไว้เฉพาะตน ซึ่งทำให้อิสลามต้องคับแคบและถูกมองว่าเห็นแก่ตัว ซึ่งนั่นไม่ใช่คำสอนของศาสนาอิสลาม และไม่ใช่การกระทำของมุสลิมที่ซื่อตรงต่ออัลเลาะห์”
สุนทรพจน์นี้ต้องถือว่ายิ่งใหญ่มาก ดังนั้นจึงมีผู้จัดพิมพ์สุนทรพจน์ดังกล่าวนี้นำไปแจกจ่ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่นั้นได้ทราบและเข้าใจโดยทั่วกัน
จากสุนทรพจน์ที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าวนี้จึงประดุจดั่งวัคซีนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ฉีดไว้ในดินแดนของประเทศไทย ที่จะมีผลต่อการป้องกันภยันตรายจากการบิดเบือนศาสนาอิสลามหรือการฉกฉวยหลักธรรมคำสอนในอิสลามมาเป็นเครื่องมือสังหารผลาญชีวิตมนุษย์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือทำลายอิสลามนั่นเอง
และวันนี้เมื่อสิ่งที่เรียกว่ายุทธการปลาหมึกยักษ์ได้ปรากฏขึ้นในภูมิภาคเอเชียแล้ว จึงมีความจำเป็นที่คนทั้งหลายจะได้ทำความรู้และความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนสำคัญในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน เข้าใจอิสลาม เข้าใจมุสลิม โดยแนวทางตามที่ท่านอยาตุลลอฮ์ ชารูคี ได้แสดงสุนทรพจน์ไว้นั้น
ที่สำคัญคือ จะต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งที่เรียกว่าสงครามศาสนาหรือการพลีชีพในสงครามศาสนา หรือชาฮีดนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในความขัดแย้งจากความเข้าใจผิด และในดินแดนที่ไม่ใช่ดินแดนของอิสลามดังที่บิดเบือนกันอยู่ในขณะนี้
คำฟัตตะวาของผู้นำศาสนาสูงสุดอาเซียนเมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์กรือเซะว่าไม่ใช่สงครามศาสนาและไม่ใช่การพลีชีพเพื่อสงครามศาสนาคือบรรทัดฐานที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่นั้นควรทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ ก็จะมีความสวัสดีและปลอดภัยในที่ทั้งปวง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี